เที่ยวงาน Night at the Museum ครั้งที่ 4 รับลมหนาว อิ่มความรู้ และอิ่มท้อง ในตอนมิวเซียมกินได้ @ มิวเซียมสยาม

ใกล้ช่วงสิ้นปีท่ามกลางลมหนาวที่พัดผ่าน บรรยากาศดีเช่นนี้หลายสถานที่มักจะจัดงานแฟร์ ให้คนกรุงเทพฯ ได้ออกมาท่องเที่ยวยามราตรี ซึ่งมีอยู่หนึ่งงานที่เพิ่งจัดผ่านพ้นไปเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และมักจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในช่วงเดือนธันวาคมเช่นนี้ กับงาน “ไนท์ แอท เดอะ มิวเซียม (Night at the Museum) งานประจำปีที่ยิ่งใหญ่ของมิวเซียมสยาม ซึ่งจัดโดย สถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ ที่เปิดมิวเซียมสยามให้คนกรุงเทพฯ ได้เข้าชมฟรีในตอนกลางคืน หนึ่งในกิจกรรมการเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์ และเป็นการเรียนรู้ในรูปแบบใหม่ ที่เปิดประสบการณ์ใหม่ของการท่องเที่ยวเรียนรู้พิพิธภัณฑ์ในตอนกลางคืน และผู้เข้าชมงานยังตื่นตาตื่นใจกับรอบๆ บริเวณงานภายในมิวเซียมสยาม ที่ถูกจัดขึ้นให้ตรงตามคอนเซ็ปต์งานในแต่ละปี

ราเมศ พรหมเย็น ผู้อำนวยการสถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ เผยว่า “มิวเซียมสยาม เป็นพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งแรก ที่เน้นการสร้างประสบการณ์สดใหม่ในการชมพิพิธภัณฑ์ ซึ่งจัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นต้นแบบของแหล่งการเรียนรู้ที่น่ารื่นรมย์ และช่วยยกระดับมาตรฐานการจัดการเรียนรู้ในรูปแบบใหม่ ให้กับประชาชน โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนไทยเกี่ยวกับการสร้างสำนึกในการรู้จักตนเอง รู้จักเพื่อนบ้าน และรู้จักโลก รวมถึงการสร้าง “แนวคิดและภาพลักษณ์ใหม่” ของพิพิธภัณฑ์ในสังคมแห่งการเรียนรู้ ผ่านเทคโนโลยีสมัยใหม่ และกิจกรรมสร้างสรรค์ เพื่อให้การเรียนรู้ประวัติศาสตร์และเรื่องราวต่างๆ เป็นไปอย่างสนุกสนานยิ่งขึ้น

งาน “ไนท์ แอท เดอะ มิวเซียม (Night at the Museum)” ครั้งที่ 4 ตอนมิวเซียมกินได้  ที่จัดขึ้นที่มิวเซียมสยามแห่งนี้ จะสะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทย ผ่านอาหารการกินจากอดีตสู่ยุคปัจจุบัน โดยนำเสนอ ภูมิปัญญาอาหารไทย ผ่านสำรับอาหารห้องเครื่องต้น รัชกาลที่ 5 ในพระวิมาดาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์  กรมพระสุทธาสินีนาฏ ปิยมหาราชปดิวรัดา พระอัครชายาในรัชกาลที่ 5 และยังมีความเชื่อมโยงกันทางด้านประวัติศาสตร์กับสถานที่แห่งนี้ ที่เมื่อ 150 ปีก่อน มิวเซียมสยามเป็นที่ตั้งพระราชวังในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าลดาวัลย์ กรมหมื่นภูมินทรภักดี พระบิดาของหม่อมเจ้าสาย ลดาวัลย์ ที่ต่อมาภายหลังเข้าถวายงานรับราชการเป็นฝ่ายใน และได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าขึ้นเป็นพระวิมาดาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์   กรมพระสุทธาสินีนาฏ  ปิยมหาราชปดิวรัดา พระอัครชายาในรัชกาลที่ 5 โดยทรงเป็นผู้กำกับดูแลห้องเครื่องต้นในการปรุงพระกระยาหารถวาย รัชกาลที่ 5 จากพระปรีชาสามารถด้านการปรุงอาหาร ทำให้พระองค์ท่านได้รับการยกย่องว่าเป็น “เอตทัคคะในด้านการทำกับข้าว” ดังนั้นพื้นที่ในมิวเซียมสยามจึงเป็นสถานที่ประสูติของพระองค์ท่าน จึงเป็นอีกหนึ่งที่มาของการจัดงาน ในครั้งนี้ครับ”

ภายในงาน “ไนท์ แอท เดอะ มิวเซียม (Night at the Museum)” ครั้งที่ 4 ตอนมิวเซียมกินได้  คลาคล่ำไปด้วยผู้สนใจเข้าร่วมงานนับพันคน โดยภายในงานยังได้มีการจัดเสวนาเรื่อง อาหารไทย ภูมิปัญญาไทย ต้นทางสู่ครัวโลก ที่มาบอกเล่าว่าเพราะอะไรอาหารไทยถึงเป็นที่ถูกอกถูกใจชาวต่างชาติ เพราะเป็นอาหารที่อุดมด้วยโภชนาการ และยังเป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่เต็มไปด้วยสมุนไพร อีกทั้งไม่เพียงเป็นอาหารที่มีความหลากหลายทางรสชาติที่ซับซ้อนแล้ว แต่ยังเป็นอาหารที่มีรสสัมผัส เช่น ส้มตำไทย ที่ครบรสด้วยความเปรี้ยว หวาน มัน เค็ม และเผ็ด ซึ่งเป็นรสชาติซับซ้อนในจานเดียวกัน และเส้นมะละกอที่กรอบ แต่ทานคู่กับข้าวเหนียมนุ่มๆ และไก่ย่างกลิ่นหอมนุ่มลิ้น จึงให้ความอร่อยในเรื่องของรสสัมผัสที่ชัดเจน

ไม่เพียงเท่านี้ผู้เข้าร่วมงานยังได้ร่วมชิมและเวิร์คชอปอย่างสนุกสนาน พร้อมได้เคล็ดลับความรู้กลับบ้าน กับการปรุงอาหารสูตรสมัยรัชกาลที่ 5 ที่ยังคงรับประทานกันในปัจจุบัน อาทิ แกงเทโพ ที่เคล็ดลับความอร่อยอยู่ที่การผัดเครื่องแกงกับกะทิให้หอม โดยใช้ความร้อนไฟกลางๆ  ผัดให้นาน 10-15 นาที, น้ำพริกกะปิ ที่จะทานให้อร่อยนั้นจะต้องนำกะปิไปเผาไฟ เพื่อให้เกิดความหอม และใช้ลูกมะอึก หรือกุ้งแห้งป่น เพื่อเพิ่มความข้น เหนียวให้แก่น้ำพริกกะปิ ที่ปัจจุบันจะเหลว โดยในสูตรสำรับอาหารที่จะให้เวิร์คชอปนั้นจะเปลี่ยนไปในแต่ละวันไม่ซ้ำกัน อาทิ แกงปลาดุกอย่างปลาไหล, แกงเลียง, น้ำพริกอ่อง และน้ำพริกปลาทู พร้อมทั้งชมการสาธิตสูตรสำรับอาหารสำรับอาหารห้องเครื่องต้น รัชกาลที่ 5  ในพระวิมาดาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ กรมพระสุทธาสินีนาฏ ปิยมหาราชปดิวรัดา พระอัครชายาในรัชกาลที่ 5 โดยอาจารย์จากมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ที่มาสาธิตในแต่ละวันไม่ซ้ำกันเช่นเดียวกัน อาทิ ข้าวงบไก่, น้ำพริกลูกหนำเลี้ยบ, น้ำพริกลงเรือ,  ข้าวบายศรีปากชาม, น้ำพริกตะไคร้ และข้าวในกะหล่ำปลี และยังอิ่มอร่อยไปกับร้านอาหารชื่อดังในตำนาน ที่เปิดให้บริการมาแล้วไม่ต่ำกว่า 30 ปี และร้านอร่อยชื่อดังร่วม 20 บูธ  ที่ขนอาหารรสเลิศมาให้ลิ้มรสชาติ อาทิ ก๋วยเตี๋ยวเนื้อนายโส่ย, ข้าวแกงร้านฉวาง, ผัดไทยร้านสวัสดี, ข้าวหมกไก่คุณเล็ก, ส้มตำครกใหญ่, ข้าวหมูแดงสีมรกต, บัวลอยไข่เค็ม ท่าน้ำคลองสาน,  ตี๋ หมูสะเต๊ะท่าดินแดง, ก๋วยเตี๋ยวเป็ดบางลำพู, กาแฟโกปี๊ นครศรีธรรมราช และน้ำแข็งใสร้านเซ็งเซียมอี้

มาเที่ยวงาน “ไนท์ แอท เดอะ มิวเซียม (Night at the Museum)” ครั้งที่ 4 ตอนมิวเซียมกินได้  นับได้ว่าอิ่มรู้แล้วยังอิ่มท้อง ผ่านความบันเทิงตลอดทั้งงาน ที่แฝงเรื่องราวทั้งประวัติศาสตร์ ผ่านวัฒนธรรมอาหารการกิน ตั้งแต่ยุคอดีต สู่ปัจจุบัน และยังเอร็ดอร่อยกับอาหารร้านดังในตำนาน ที่มารวมตัวกันเฉพาะกิจในงานนี้เท่านั้น  คงต้องรอดูกันแล้วว่างาน ไนท์ แอท เดอะ มิวเซียม ในเดือนธันวาคมปีหน้า  จะจัดงานเก๋ๆ อะไรให้คนกรุงเทพได้ความรู้ผ่านกิจกรรมที่สร้างสรรค์ และยังเปิดประสบการณ์ใหม่ของการท่องเที่ยวเรียนรู้พิพิธภัณฑ์ในตอนกลางคืน ท่ามกลางอากาศหนาวเย็นสบายช่วงเดือนธันวาคม ต้องติดตาม

ที่มา:  ฝ่ายประชาสัมพันธ์
บันทึกภาพ:  แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์
นำเสนอโดย www.starupdate.com หากนำข่าวไปใช้กรุณาอ้างอิงถึง www.starupdate.com ด้วย
ข่าวนี้อยู่ในหมวด PR Update และ Tag: , , , ติดตาม comment ของข่าวนี้ผ่านทาง RSS feed
Trackbacks are closed, but you can post a comment.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

“มิวเซียมสยาม” ชวนท่องราตรีชมพิพิธภัณฑ์ยามค่ำคืน สัมผัสความโก้เก๋แห่งยุคซิกซ์ตี้ ในกิจกรรม “Night at the Museum 8 ตอน ไนต์คลับ” >>

บัตรมิวพาส จัดโปรฯ พร้อมชมมินิคอนเสิร์ต 3 วงดัง >>

มิวเซียมสยาม ชวนชมละครเพลงหุ่นสาย เรื่อง “ดอนและมะขวิด ผู้พิชิต” >>

มิวเซียมสยาม ชวนสนุกกันทั้งครอบครัว กับกิจกรรมวันเด็ก “กาลครั้งหนึ่ง ณ มิวเซียมสยาม” >>

การันตีความเข้มข้นกว่าเดิม-สามพันธมิตร วังจักรพงษ์ มิวเซียมสยาม โรงเรียนราชินีฯ ฮิวโก้พร้อมเปิดวังจักรพงษ์แถลงข่าวเทศกาล “บางกอกแหวกแนว 2018”