Once upon a Trai” : กาลครั้งหนึ่งตรัยมาแล้ว คอนเสิร์ตที่เต็มไปด้วยเรื่องราวจาก “บอย ตรัย” >>

เติมเต็มความสุข อย่างเต็มอิ่มในคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งที่ 3 จาก บอย ตรัย ภูมิรัตน กับ “Once upon a Trai” : กาลครั้งหนึ่ง..ตรัยมาแล้ว ที่จัดขึ้น ณ โรงละครเคแบงค์สยามพิฆเนศ สยามสแควร์วัน ชั้น 7 เมื่อวันที่ 21 – 22 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ที่ได้รับความสนใจจากบรรดาแฟนๆ เป็นอย่างมากจนทำให้บัตรคอนเสิร์ตถูกจำหน่ายเต็มทุกที่นั่ง งานนี้นอกจากจะได้ฟินไปกับเพลงเพราะกว่า 40 บทเพลงแล้ว ทางต้นสังกัดอย่าง สไปร์ซซี่ ดิสก์ ยังได้เตรียมของที่ระลึกมาจำหน่ายในงานมากมายไม่ว่าจะเป็น เสื้อยืด, หมวกหมี, แผ่นเสียงอัลบั้ม ขุนเขาแห่งหมี และงานนี้ยังได้มีการนำเอาม่านประกอบฉากบนเวทีมาผลิตเป็นกระเป๋าหมี ซึ่งแต่ละใบจะมีลายไม่เหมือนกันให้ทุกคนได้เก็บสะสมกัน นอกจากจะได้กระเป๋าเก๋ๆ กลับไปแล้วยังได้ทำบุญอีกด้วย เพราะรายได้ส่วนหนึ่งของการจำหน่ายกระเป๋าจะนำไปสมทบทุนกับทาง “เซ็นทรัลทำ” เพื่อการศึกษา และสาธารณะประโยชน์ต่อไป โดยบรรยากาศของงานอบอวลไปด้วยแฟนเพลงที่เดินทางมาชมคอนเสิร์ตครั้งนี้อย่างมากมายจนทำเอาบริเวณหน้างานแน่นขนัดไปด้วยแฟนเพลงหลากหลายวัยทั้งเด็ก และผู้ใหญ่เลยทีเดียว

โดยคอนเสิร์ต “Once upon a Trai” : กาลครั้งหนึ่ง..ตรัยมาแล้ว ขอพาทุกคนไปร่วมรับรู้เส้นทางชีวิตของเขาผ่านบทเพลงต่างๆ และฉากน่ารักๆ ที่ตัดสลับไปตามเรื่องราวของเพลงในทุกช่วงชีวิตของเขา และแล้วช่วงเวลาที่ทุกคนรอคอยก็มาถึงเมื่อเสียงเพลงดังขึ้นเป็นสัญญาณบอกทุกคนว่าคอนเสิร์ตกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว ก่อนจะเปิดตัวพระเอกของงานอย่าง บอย ตรัย ที่ออกมาพร้อมกีตาร์คู่ใจในเพลงแรกกับ พื้นที่เล็กๆ ตามมาด้วย เพลงเศร้า, ไม่มีเหตุผล, พิจิกา, ลาก่อนพิน็อคคิโอ เป็นการเดินทางออกจากเมืองเพื่อไปที่ภูเขา ซึ่งระหว่างทางเดินขึ้นเขานั้นเขาไม่ได้ไปเพียงลำพัง บอย ยังได้พาเพื่อนๆ วง Friday (ฟรายเดย์) มาร่วมบรรเลงเพลงที่หลายๆ คนคุ้นหูไม่ว่าจะเป็น ใกล้ไป, ปิดผนึก, ฉันมีความสุข, เปลี่ยนไปทุกอย่าง และอีกหนึ่งกิมมิกของคอนเสิร์ตคือ แขกรับเชิญที่มาร่วมเล่นบนเวทีจะต้องแต่งตัวในธีมสิงสาราสัตว์ โดยของวงฟรายเดย์นั้นเป็นเสือ กับหมู ก่อนจะส่งเพื่อนลงเวทีพร้อมขยับจังหวะเล็กน้อยให้พอโยกตามกับเพลง ขุนเขาแห่งหมี ก่อนจะออกเดินทางต่อไปพบกับแขกรับเชิญคนต่อไปนั่นก็คือ ก้อ ณฐพล ศรีจอมขวัญ มาในชุดของยีราฟ มาร่วมโชว์ในเพลง ดวงอาทิตย์ และ คำที่ไม่อยากพูดเลย ก่อนจะเชิญพี่ชายคนสำคัญอย่าง เต้ง พิชัย จิราธิวัฒน์ บอสใหญ่จาก สไปร์ซซี่ ดิสก์ มาในชุดนายพรานขึ้นมาร่วมร้องในเพลง The Wedding Singer (เดอะ เว้ดดิ้ง ซิงเกิล) ส่วนอีกวันเป็นคิวของพี่ชายคนสนิทอย่าง บอย โกสิยพงษ์ ที่ถึงแม้จะมีอาการป่วยแต่ก็ไม่ยอมพลาดขึ้นโชว์ด้วยกันในเพลง เมฆ จากนั้นเป็นเซ็ทลิสท์เพลงดังที่ บอย ได้แต่งให้ศิลปินหลายๆ คนได้นำไปร้อง ไม่ว่าจะเป็น อีกแล้ว, เกือบ, รักที่เพิ่งผ่านพ้นไป และแน่นอนในวันสำคัญแบบนี้จะขาดแขกรับเชิญคนสำคัญคนนี้ไปไม่ได้เลย นั่นก็คือ น้องชื่นใจ มาในชุดเจ้าหญิง เพื่อขึ้นมาโชว์ในเพลง ชื่นใจและอสูร พร้อมกับคุณพ่อที่มาในลุคของ เจ้าชายอสูร ตามการ์ตูนเรื่องโปรด นอกจากนี้ยังแต่งเนื้อร้องภาษาไทยใหม่อีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นภาพนี่น่ารักจริงๆ ต่อด้วยเพลง เรื่องน่าเบื่อที่สวยงาม และเซ็ทเพลงเมดเลย์ไซด์ บี กับ เธอทำได้ไหม,โลกที่เธอไม่ให้ฉันเข้าไป, เผื่อว่าวันพรุ่งนี้, เมื่อไม่มีเธอ, บอกฉัน, เพื่อนของเราชื่อความเหงา ก่อนจะส่งเวทีให้สองสาวอย่าง แก้ว BNK48 มาเป็นเกสต์ในวันที่ 21 พย. ในชุดแมวเหมียวสุดน่ารัก ที่หยิบเอา 2 เพลงที่แต่งโดย บอย ตรัย กับ ความลับ และAnata to Christmas eve มาร้องบนเวที ส่วนอีกวันเป็นคิวของ อิงค์ วรันธร มาในวันที่ 22 พย. ในชุดกระต่ายขาว กับ 2 เพลงนั่นก็คือ ความลับ และห้ามใจไม่ไหว ก่อนจะส่งต่อให้น้องชายมาดกวน ว่าน ธนกฤต ขึ้นมาเพิ่มสีสันบนเวทีกับเพลง เผื่อวันพรุ่งนี้ และคนใจน้อย ซึ่งเพลงนี้เจ้าของเพลงขอออกมาร่วมแร็พด้วย หลังจากนั้นก็ถึงช่วงฟังเพลงแบบนอนสต็อปจากบอย ตรัย ที่ขนเอาเพลงฮิตมาร้องให้แฟนๆ ได้ฟังกันทั้ง ผูกพัน, จดหมายถึงตัวฉันในอนาคต, ไม่มีความหมาย, ส่งแค่นี้, กลับมา, ฮานาบิ, เผลอ, ต่อให้ใครไม่รัก, ไม่ว่าเธอจะรักฉันหรือไม่ ที่ขอเซอร์ไพร์สคนดูด้วยการฟีทเจอร์ริ่งกับ นภ พรชำนิ และปอย Portrait มาร่วมร้องด้วย ก่อนจะชวนแขกรับเชิญทุกคนขึ้นมาร่วมฉลองกันอีกครั้งในเพลง ชั่วโมงต้องมนต์ ก่อนจะขอส่งทุกคนกลับบ้านด้วยเพลง พื้นที่เล็กๆ อีกครั้ง พร้อมด้วยเซอร์ไพร์สสุดท้ายด้วยการเปิดคลิปน่ารักๆ จากคุณแม่ของเขาถึงเรื่องราวต่างๆ ของ บอย ตรัย ภูมิรัตน ตั้งแต่วัยเด็กจนถึงปัจจุบัน เป็นการส่งทุกคนกลับบ้านด้วยรอยยิ้มเลยทีเดียว

และสำหรับใครที่พลาดชมคอนเสิร์ต “Once upon a Trai” : กาลครั้งหนึ่ง..ตรัยมาแล้ว ไม่ต้องเสียใจไปสามารถย้อนชมภาพความประทับใจนี้ได้ที่ www.facebook.com/boytraibhumiratna และ www.facebook.com/Spicydiscrecord รวมถึงติดตามข่าวสารอื่นๆ ได้ที่นี่เช่นกัน