คาร์เทียร์ตอกย้ำจิตวิญญาณอิสระของคอลเล็กชั่นตะปู Juste un Clou และน็อต Écrou de Cartier จัดสุดยอดปาร์ตี้แห่งปี ยกอินสตอเลชั่นอาร์ต Cartier Precious Garage สุดล้ำ มาจัดแสดงในกรุงเทพฯ >>

คาร์เทียร์ (Cartier) ตอกย้ำจิตวิญญาณอิสระของคอลเล็กชั่นตะปู  Juste un Clou และน็อต Écrou de Cartier ภายใต้แนวคิด When The Ordinary Becomes Precious จากสิ่งธรรมดาสามัญ สู่เครื่องประดับสูงค่าน่าครอบครอง จัดสุดยอดปาร์ตี้แห่งปี ยกอินสตอเลชั่นอาร์ต Cartier Precious Garage สุดล้ำมาจัดแสดงในกรุงเทพฯ เป็นครั้งแรก โดยมีไฮไลต์อยู่ที่รถยนต์ Corvette สีทองอร่ามคันเดียวในโลก ผลงานการออกแบบจาก Visual Artist ศิลปินชาวเปอโตริโก เดซี่ ซานติเอโก (Desi Santiago)    ที่มีผลงานโลดแล่นที่นิวยอร์ก แสดงถึงเวทมนตร์ของคาร์เทียร์ที่เนรมิตสิ่งของธรรมดาในชีวิตประจำวันเป็นผลงานศิลปะล้ำค่า ปาร์ตี้รวมดาราและคนดังจากทุกวงการทั่วฟ้าเมืองไทย อาทิ หมาก ปริญ, มาริโอ้ เมาเร่อ, แต้ว ณฐพร, เต้ย จรินทร์พร, ต่อ ธนภพ, ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์, แมท ภีรนีย์, กรรณ สวัสดิวัตน์

พรมแดงที่ทอดยาวสู่โกดังยักษ์เปรียบเสมือนการก้าวเข้าสู่ช่วงเวลาที่โลกแห่งเครื่องจักรและเครื่องประดับ มาบรรจบกัน เกิดเป็น อินสตอเลชั่นอาร์ต Cartier Precious Garage ที่มีดีไซน์และคอนเซ็ปต์เท่ ล้ำ แต่ยังคงรายละเอียดละเมียดละไมและหรูหราตามแบบฉบับของคาร์เทียร์ การตกแต่งทุกรายละเอียดในงานเปี่ยมไปด้วยความหมายลึกซึ้ง นับตั้งแต่ ตู้คอนเทนเนอร์สีทองตั้งตระหง่านต้อนรับผู้เข้าร่วมงาน ณ ประตูทางเข้า ประดุจการเดินทางมาถึงของ Cartier Precious Garage ในประเทศไทย ไปจนถึงอุโมงค์สีทองที่นำแขกผู้มีเกียรติเข้าสู่ไฮไลต์ของงาน รถยนต์ Corvette สีทองอร่ามคันเดียวในโลก ขนาบด้วย 2 กำแพงยักษ์ หนึ่งกำแพงสีทองประดับด้วยชิ้นส่วนของรถ Corvette และกำแพงสีขาวที่จัดเรียงอุปกรณ์เครื่องมือช่าง เดซี่ ซานติเอโก (Desi Santiago) นำสิ่งธรรมดาสามัญตกแต่งประดับประดาอย่างวิจิตรอลังการในสไตล์อินดัสเทรียลลักชัวรี่

เบื้องหลังการรังสรรค์เอ็กซ์คลูซีฟปาร์ตี้ครั้งนี้ ได้รับแรงบันดาลใจมาจากสองคอลเล็กชั่นหลักของคาร์เทียร์จุตส์ เอิง คลู (Cartier Juste un Clou) คอลเล็กชั่นทรงตะปูอันโด่งดัง ถือกำเนิดขึ้นในช่วงปี 70 จากการออกแบบของ อัลโด ซิปูโย  (Aldo Cipullo) ดีไซน์เนอร์หนุ่มผู้ละทิ้งบ้านเกิดเมืองนอนในประเทศอิตาลีเพื่อมาค้นหาความฝันในนิวยอร์ก ดีไซน์ของจุตส์ เอิง คลู (Cartier Juste un Clou) สื่อถึงจิตวิญญาณความขบถ การเลือกใช้รูปทรงแปลกใหม่ แลดูธรรมดาอย่างตะปู มาทำเป็นเครื่องประดับสูงค่าได้อย่างลงตัวบ่งบอกถึงความคิดที่ไม่ยึดติดกับขนบเดิมของยุคสมัย เครื่องประดับจุสต์ เอิง คลู (Juste un Clou) จึงเป็นเครื่องเเสดงถึงความอิสระเสรีทางความคิด ความร่วมสมัย ความโดดเด่น พลังสร้างสรรค์ เเละการปลดปล่อยตัวตนจากกรอบเดิมๆ อีกทั้งยังเติมเต็มด้วย เอครู เดอ คาร์เทียร์  (Écrou de Cartier) เครื่องประดับที่ได้แรงบันดาลใจมาจากหัวน็อตที่สามารถหมุนไปมาได้อย่างอิสระ เปรียบดังพลังของผู้สวมใส่ที่เปี่ยมด้วยความมาดมั่นและอิสระเสรี

อินสตอเลชั่นอาร์ต Cartier Precious Garage จัดแสดงแล้วตามเมืองสำคัญต่างๆ ทั่วโลก อาทิ นิวยอร์ก,  มิลาน, ซิดนีย์ และล่าสุด ได้ลัดฟ้ามาจัดแสดงที่ กรุงเทพฯ โดยได้เปิดตัวในงานปาร์ตี้สุดเอ็กซ์คลูซีฟ พรั่งพร้อมไปด้วยแขกรับเชิญชื่อดังทั่วฟ้าเมืองไทย รวมคนดังจากทุกวงการในงานเดียว ไม่ว่าจะเป็น หมาก ปริญ, มาริโอ้ เมาเร่อ, แต้ว ณฐพร, เต้ย จรินทร์พร, ต่อ ธนภพ, ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์, แมท ภีรนีย์, กรรณ สวัสดิวัตน์ และกองทัพเซเลบริตี้ร่วมเดินพรมแดงมากมาย อาทิ ซอนญ่า สิงหะ, เจย์-จริยดี สเป็นเซอร์, ธีรวัลคุ์ ปังศรีวงศ์, คณชัย เบญจรงคกุล, ภัสสรกรณ์ จิราธิวัฒน์, กุลพัชร์ กนกวัฒนาวรรณ (เมย์ อาฟเตอร์ยู), กรุณ ซอโสตถิกุล, อรวรรณ อิงคสิทธิ์, ธัชมาพรรณ จันทร์จำรัสแสง ทุกท่านถือได้ว่าเป็นตัวแทนคนรุ่นใหม่ที่เปี่ยมล้นไปด้วยจิตวิญญาณอิสระและพลังสร้างสรรค์

คาร์เทียร์ปิดท้ายค่ำคืนแห่งความพิเศษนี้ด้วยอาฟเตอร์ปาร์ตี้ ให้ความบันเทิงจัดเต็มในงานจาก TIM THAL   (ทิม ธาล) ดีเจสุดฮอตที่บินมาจากเกาหลีใต้เพื่องานนี้โดยเฉพาะ รับประกันฝีมือจากการเป็นดีเจมาแล้วในงาน Ultra Music Festival จะเห็นได้ว่า ทุกองค์ประกอบในงานมีความหมายซ่อนเร้นไม่ธรรมดา นับตั้งแต่สถานที่จัดงานแปลกตา  ไม่เหมือนใครที่เนรมิตโกดังให้กลายเป็น Precious Garage สุดตระการตา ไปจนถึงเมนูอาหาร และของหวานจาก   After You ที่รังสรรค์พิเศษขึ้นสำหรับแขกในงานนี้เท่านั้น พร้อมด้วยบาร์ค็อกเทลที่เสิร์ฟเครื่องดื่มซิกเนเจอร์อย่างเครื่องดื่มที่เสิร์ฟในกระป๋องอินดัสเทรียลเก๋หรือชอตสีประกายทองสำหรับค่ำคืนอันน่าประทับใจ

ความประทับใจไม่จบเพียงเท่านี้ หลังจบปาร์ตี้ คาร์เทียร์จะนำอินสตอเลชั่นอาร์ต Cartier Precious Garage  ผลงานออกแบบที่หาชมได้ยากไปโชว์เคส ณ Hall of Fame ชั้น M ศูนย์การค้าสยามพารากอน ในวันที่ 1 – 10 กุมภาพันธ์ 2562 สำหรับบุคคลที่สนใจ สามารถเข้าชมได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ตั้งแต่เวลา 11.00 – 19.30 นาฬิกา