เรื่องย่อ… บางระจัน

ในปีพุทธศักราช ๒๓๐๑ หลังการผลัดเปลี่ยนแผ่นดินมาสู่รัชสมัยของสมเด็จพระที่นั่งสุริยาศน์ อเมรินทร์ (วิทยา วสุไกรไพศาล) ความไม่เด็ดขาดในการปกครองทำให้เหล่าเจ้านายและข้าราชบริพารเกิดการแบ่งพรรคแบ่งพวก ไม่มีความสามัคคี ต่างพากันแย่งชิงตำแหน่งหน้าที่ รวมไปถึงข้าวยากหมากแพง พระเจ้าอลองพญามังลอง ยกทัพพม่ามาตีไทยหวังยึดกรุงศรี ไทยพ่ายแพ้ถึง 3 กองทัพ แต่ฝ่ายพระเจ้าอลองพญามังลองถูกลางปืนแตก บาดเจ็บสาหัสจึงรีบยกทัพกลับ

ด้วยความแค้นใจพระเจ้ามังระจะยาตรา จงมาแก้แค้นให้กับพระเจ้าอลองพญามังลอ โดยทัพพม่ามีเนเมียวสีหบดีเป็นแม่ทัพฝ่ายเหนือ นำทัพมาจากเชียงใหม่ ตีหัวเมืองแตกระเรื่อย

ความเดือดร้อนยิ่งกว่าไฟลามทุ่ง เมื่อทัพอังวะปล้น ฆ่า ข่มขืน ชิงทรัพย์สินของชาวบ้านตลอดรายทางเพื่อมุ่งสู่กรุงศรีอยุธยา เวลาเดียวกับที่ทัพหรือเจ้าเสือ (พงศกร เมตตาริกานนท์) แห่งบ้านคำหยาด ทหารผู้มีฝีมือไม่เป็นสองรองใครฝ่าทัพอังวะที่ปล้นฆ่า ได้กลับมาก้มลงกราบแทบเท้าพ่อแม่ และจวง (สาวิตรี สุทธิชานนท์) น้องสาวบอกทัพ เรื่องที่อดีตเพื่อนรัก นายสังข์ (ปรมะ อิ่มอโนทัย) และหมู่ขาบ (ฐกฤต ตวันพงค์) กำลังเร่งกวาดต้อนครัวไทยไปกรุงศรี ทัพเห็นอาการป่วยของแม่ยังไม่ดี ก็ประวิงเวลาไปเอายาจากสุพรรณมาให้แม่ แต่สังข์และขาบหาเรื่องว่าทัพคิดหนีเกณฑ์ไม่ยอมเป็นทหารสู้ศึก จนทัพต้องหนีหลบไปซ่อนอยู่ในป่า

ในเวลาเดียวกันที่บ้านสามโก้ อีกด้านของแขวงวิเศษไชยชาญ หมู่บ้านของสไบ (ศิรพันธ์   วัฒนจินดา) ลูกสาวผู้ใหญ่แสง (ศรุต วิจิตรานนท์) กำลังถูกนายกองอูจี (สุพจน์ จันทร์เจริญ) นำทหารทัพอังวะเข้าปล้น

ที่ค่ายบ้านระจัน แหล่งรวมพลของทุกคนที่หลบหนีจากศึกสงคราม ทุกคนดีใจที่ได้พบกัน กำนันพันเรือง (วัชรชัย สุนทรศิริ) นายทองแสง (ศรุต วิจิตรานนท์) นายทองเหม็น (สมชาย เข็มกลัด) นายจันหนวดเขี้ยว (วิศรุต หิรัญบุศย์) ผู้คิดริเริ่มรวบรวมไพร่พล และสร้างค่ายบ้านระจัน โดยใช้ค่ายบ้านระจันเป็นที่ประชุมสู้ศึกพม่า โดยมีนายทองเหม็นเป็นผู้ใหญ่บ้าน นายทองแสงใหญ่ นายจันหนวดเขี้ยวและหัวหน้าอีก 6 คน ที่อพยบมารวมกันเป็นผู้นำ อันได้แก่ นายแท่น (ภูริ หิรัญพฤกษ์) นายโชติ (ปัญญาพล เดชสงค์) นายอิน (ชัยวัฒน์ ทองแสง) นายเมือง (ศิระ แพทย์รัตน์) ชาวบ้านศรีบัวทอง นายทองแก้ว บ้านโพทะเล (ชลัฎ ณ สงขลา) นายดอกไม้ (สนธยา ชิตมณี) ชาวบ้านกรับ และขุนสวรรค์กรมการ (พศิน เรืองวุฒิ) จากเมืองสวรรค์บุรีทุกคนในค่ายมี พระอาจารย์ธรรมโชติ (ชาติชาย งามสรรพ์) เป็นศูนย์กลางยึดเหนี่ยวจิตใจและปลอบขวัญ เครื่องรางป้องกันภัยก่อนออกศึกทุกครั้ง ทุกคนวางแผนให้บ้านระจันคือด่านหน้าปะทะทัพอังวะไม่ให้ล่วงเข้าอยุธยาได้

ศึกแรกนายแท่น (ภูริ หิรัญพฤกษ์) นำทัพเข้าสู้และฟาดฟันจนชนะอังวะ เสียงเพลงบ้านระจันปลุกเร้าหึกเหิมให้ชาวบ้านทุกคนรวมเป็นน้ำหนึ่ง ฝ่ายเนเมียวสีหบดี (นิรุตต์ ศิริจรรยา) แต่งตั้ง งาจุนหวุ่น (โฆษวิส ปิยะสกุลแก้ว) เป็นแม่ทัพมาตีบ้านระจันนายเมือง (ศิระ แพทย์รัตน์) นำทัพออกสู้ ทัพ (พงศกร เมตตาริกานนท์) สังข์ รับบทโดย (ปรมะ อิ่มอโนทัย) และขาบ (ฐกฤต ตวันพงค์) นำพวกไล่ต้อนฆ่าทัพอังวะจนราบ เยกินหวุ่น (ภูชิสสะ ศุภธนพัฒน์) นำ ทัพมาช่วยก็โดนไล่ต้อนจนพ่ายแพ้ ค่ายบ้านระจันครึกครื้นด้วนเสียงโห่ร้องยินดีแห่งชัยชนะชื่อเสียงชาวบ้านคน ไทยผู้รวมตัวสู้ดังเลื่องลือ เนเมียวสีหบดี (นิรุตต์ ศิริจรรยา) ไม่ยอมเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ส่ง ติงจาโบ (เมธา ชูลาภ) และสุรินจอข่อง (ปราบปฎล สุวรรณบาง) มาตีอีกแต่ก็พ่ายอย่างไร้ท่า สุรินจอข่อง ตายกลางสนามรบ ยิ่งสร้างขวัญและกำลังใจให้คนไทยผู้รักและหวงแหนแผ่นดิน

ต่อมาไม่นานสถานการณ์ในบ้านระจันเริ่มระส่ำระส่าย เมื่อคนอพยพเข้ามามากและเสบียงน้อยลง ทั้งหมดเพราะ ใจ (พศุตม์ บานแย้ม) วางแผนให้ทหารอังวะปล่อยข่าวซื้อเสบียงด้วยทองคำเสบียงในค่ายถูกคนโลภเห็นแก่ตัวขโมยไปขายแก่ทหารอังวะ

ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ฝ่ายอังวะยกทัพมาตีบ้านระจันแต่ก็ไม่สามารถทำให้บ้านระจันแตกได้จนกระทั่ง วันจันทร์ ๒ ค่ำ ข้างแรม เดือน ๘ ปีจอ พ่อค่ากำนันพันเรือง ทองแสง ปลุกใจชายหญิงชาวค่ายให้สู้ทัพ ชาวค่ายทุกคนขอบูชาชีวิตให้ชาติ พระอาจารย์ธรรมโชติประสิทธิ์ประสาทวิทยาคมอาคมบำรุงขวัญ

สุกี้ (เรืองศักดิ์ ลอยชูศักด็) นายกองสั่งยิงปืนใหญ่ถล่มค่าย ชาวค่ายระจันชายหญิงถือดาบสองมือตะลุยเข้าต่อสู้ ยอมสละชีพเอากายเป็นโล่กำบัง เอาเลือดทาแผ่นดิน ไม่ให้ศัตรูฝ่าไปได้ กองศพชาวบ้านทับถมแต่ไม่มีใครถอยทุกคนจับดาบคู่สู้จนลมหายใจสุดท้ายก่อนจะตายเคียงกัน

หมู่ศัตรูกรูเข้ามาท่ามกลางฟ้าสีหม่นมัวปกคลุม วังแวงใจไปทั้งค่ายที่ร่างชาวระจันทับถม เลือดนองยิ่งกว่าสายน้ำเชี่ยว กิตติศัพท์ชาวบ้านระจันที่มีเพียงมีด ไม้ มือเปล่า และหัวใจแกล้วกล้า รักบ้านเกิดเมืองนอน มีใจเจ็บร้อนแทนชาติและเพื่อนร่วมเมือง สู้ศึก สละชีพ กลายความภาคภูมิ ขนาดแม่ทัพใหญ่พม่ายังเอ่ยสดุดี

เรื่องราวของวีรบุรุษบ้านระจันจะเป็นเช่นไร ศึกครานี้จะสิ้นสุดลงอย่างไรติดตามชมได้ใน “บางระจัน” ทุกวันจันทร์ และ วันอังคาร เวลา 20.15-22.45 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3 (ออริจินัล) และช่อง 3HD (ช่อง33) เริ่มออกอากาศตอนแรก 6 มกราคม 2558 นี้