บทสัมภาษณ์ “คนเลี้ยงยักษ์ จิก ประภาส ชลศรานนท์” ใน ภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่อง “ยักษ์”

คือ ครีเอทีฟ นักคิด นักเขียน กวี นักแต่งเพลง ผู้สร้างสรรค์บทเพลงวรรณกรรม อันหลากหลาย

          คือหัวกะทิ มือเขียนบท หัวโจก ผู้ก่อตั้ง พลิกโฉมหน้าวงการเพลง โทรทัศน์ ละคร ภาพยนตร์ ค่ายเพลง ให้กำเนิด ปลุกปั้นศิลปินบุคลากรระดับคุณภาพทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังในแวดวงบันเทิงศิลปวัฒนธรรมนับร้อยนับพัน

          ณ วันนี้ในวัยขึ้นเลขต้นด้วย 5 ด้วยระยะเวลากว่า 6 ปีผู้ชายที่ชื่อ จิก ประภาส  ชลศรานนท์พร้อมแล้วที่จะชวนทุกคนร่วมเดินทางไปกับฝันครั้งล่าสุดที่ใช้เวลาบ่มเพาะมากกว่า 10 ปี กับภาพยนตร์แอนิเมชั่นเต็มรูปแบบที่มีชื่อสั้นๆ ว่า “ยักษ์”

Q. เอ่ยชื่อพี่จิก ประภาส ชลศรานนท์ ที่คนทั่วไปรู้จักกันดีในฐานะนักคิดนักเขียนนักแต่งเพลง ฯลฯ ผ่านประสบการณ์ทำนั่นโน่นนี่มาทั้งชีวิต แต่อยู่ๆ ทำไมถึงลุกขึ้นมาทำแอนิเมชั่นในตอนที่อายุขึ้นเลขห้า

J. อย่าขำผมนะถ้าผมจะบอกว่าผมไม่เคยคิดว่าตัวเองแก่เลย ก็แค่อายุมากขึ้น (หัวเราะ) โดยส่วนตัวแล้วอันนี้ เป็นวิถีทางนะไม่เกี่ยวกับหนังนะ คือตัวผมเป็นคนที่ทำอะไรไปเรื่อยๆ ผมชอบทำงานแบบวิ่งเหยาะ งานที่ทำทั้งทำทั้งแอบทำคือคนทั่วไปไม่รู้มีเยอะแยะ โชคดีที่ผมเป็นคนทำอะไรหลายอย่างได้พร้อมๆ กัน ถ้าถามว่าเรื่องการทำการ์ตูนแอนิเมชั่นเป็นสิ่งที่อยากทำมานานหรือยังต้องบอกว่าอยากทำมามากกว่าสิบปีแล้ว แต่ใจอย่างเดียวมันไม่พอ มันต้องพร้อมทั้งฟ้าดินและคน คนก็คือทีม ดินก็คือทรัพยากรทั้งหลาย อุปกรณ์ทั้งหลายส่วนฟ้าก็คือโอกาสและจังหวะ  เมื่อก่อนแอนิเมชั่นมันต้องวาดทีละภาพใช้คนวาดเป็นโรงงานเลย ฝรั่งญี่ปุ่นเขาต้องจ้างข้ามประเทศจ้างไต้หวันจ้างอินเดีย คือรู้ว่าถ้าทำไปก็คงได้ประมาณหนึ่งที่ไม่ได้ดังใจทั้งหมด  จนกระทั่งวันหนึ่งได้เจอเอ็กซ์ (ชัยพร พานิชรุทติวงศ์) ก็น่าจะตอนที่เขากลับมาจากอเมริกาใหม่ๆ ก่อนที่จะเอ็กซ์เขาไปทำปังปอนด์อีกนะ ณ วันนั้นด้วยโปรแกรมทำแอนิเมชั่นมันได้มีการพัฒนากันไปเยอะแล้ว มีคนทำกันอยู่เยอะแยะแต่ก็ยังแข็งๆ กันอยู่ วันแรกที่เจอเอ็กซ์เรานัดกันไปเจอกันที่ร้านกาแฟแถวๆ ถนนพระอาทิตย์ เรานั่งคุยกันหลายเรื่อง คุยเรื่องแอนิมชั่นที่เราชอบเขาชอบ คุยแล้วมันรู้เลยว่าคอเดียวกัน เขาเอางานสมัยเป็นนักศึกษามาให้ดู ผมก็เล่าความคิดของผมให้เขาฟังว่าผมมองเห็นแอนิมชั่นที่จะทำมันเคลื่อนไหวยังไง คุยกันจบก็ยังไม่ได้ทำอะไรกันต่อ ผมก็ไปทำงานของผม ตัวเอ็กซ์เองเขาก็ไปทำหนังโฆษณาทำอะไรของเขาไปเรื่อยๆ เปื่อย แล้วก็ไปทำปังปอนด์ ผมก็ได้เห็นอยู่ ก็มีทั้งชอบและไม่ชอบ มันเป็นโปรดักชั่นระดับทีวีไม่ใช่หนังใหญ่ ผมก็ไม่ได้คิดอะไรเพราะผมก็มีงานอะไรให้ทำอยู่ตลอดเวลา เขียนหนังสือไป แต่งเพลงบ้าง ทำทีวีไป

Q. ตอนแรกที่ที่พี่จิกบอกคิดอยากทำการ์ตูน ตอนนั้นมีพล็อตเรื่องอยู่แล้วเลยรึเปล่า

J. ก็มีอยู่เยอะแยะ แม้กระทั่งที่คุยกับเอ็กซ์วันแรกยังนั่งเล่าพล็อตให้ฟังตั้งหลายเรื่อง

Q. พวกเรื่องพล็อตที่คิดอยากจะทำตั้งใจทำออกมาเป็นแอนิเมชั่นเลยอย่างเดียวเลยรึเปล่า

J. ใช่ครับ เรื่องบางเรื่องมันเหมาะที่จะเป็นแอนิเมชั่นเท่านั้น เพราะแอนิเมชั่นมันมีเสน่ห์ตรงมันโลดโผนได้มากกว่าคนแสดง

Q. หมายความว่า ไอเดียของพี่จิกเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้วที่คิดฝันอยากทำการ์ตูน พี่จิกเองก็มองไปด้วยถึงความเป็นไปได้ขององค์ประกอบและเทคโนโลยีต่างๆ ในการเกิดขึ้นของการ์ตูนว่าที่จะเกิดขึ้นได้จริงว่าอยู่ในสเกลไหน เพราะฟังจากพล็อตหรือไอเดียที่คิดจะทำกับการ์ตูนในยุคนั้น มองว่าคงต้องเป็นการ์ตูนที่เป็นลักษณะของการวาดด้วยมือ เป็นภาพๆหรือ เป็นcellบนแผ่นใสหรือฟิล์ม ที่ยังไม่ได้วาดบนคอมพิวเตอร์ด้วยซ้ำ

J. ใช่ๆ ตอนนั้นที่คิดๆ อยู่ก็รู้นะถึงความเป็นไปได้ แต่ก็มีความฝันว่าอยากทำนะยังเคยคิดว่าจะรวมมือดีๆที่วาดดีๆ ที่มีสไตล์แม้กระทั่งเพื่อนกันหรือแม้แต่รุ่นน้องกันมาทำได้ไหม คือผมคิดอยู่ตลอด ถึงผมไม่ได้ทำวันนี้ วันหน้าถ้ามีโอกาสผมก็จะทำอีก หาช่องทางทำไปเรื่อยๆ อย่างที่บอกผมชอบวิ่งเหยาะ วิ่งแข่งร้อยเมตรไม่ชอบ เหนื่อยแล้วหมดแรงเลย  

Q. แต่ก็ยังคงเก็บไอเดียความฝันลงในลิ้นชักทางความคิดที่จะทำการ์ตูนไว้รอวันเวลาที่ทุกอย่างพร้อม

J. ก็มีอยู่ โปรเจ็คต์มีอยู่ในหัวเต็มไปหมดเลย ผมคิดง่ายๆ เมื่อมีโอกาสทำก็ทำ นี่ยังอยากทำหนังคนอีกเรื่องหนึ่งเป็นหนังไซไฟเกี่ยวกับวิถีพุทธ คิดไว้ในหัวแล้ว เขียนบทไปบ้าง จะกำกับเอง แล้วมันต้องใช้แอนิเมชั่นช่วยแยะมากหนังเรื่องนี้ ผมรอเวลารออะไรบางอย่างอยู่

Q. พูดได้ว่าจุดเริ่มต้นมาจากการที่ตัวเราเองก็เป็นคนที่ชื่นชอบและดูแอนิเมชั่นมาก่อน จนเกิดเป็นแรงบันดาลใจให้เราคิดฝันอยากทำการ์ตูน

J. ต้องเรียกว่าเป็นคนชอบดูแอนิเมชั่นตั้งแต่เด็ก และโตแล้วก็ยังชอบอยู่ ดูหมดทุกสไตล์ ไม่ว่าจะดิสนี่ย์ พิกซ่าร์ สตูดิโอ GHIBLI หรือทางฝั่งยุโรป แบบเป็นหนังเงียบๆ ก็ชอบนะ ดูแล้วก็รู้สึกตลอดว่าวันหนึ่งเราต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับมันแน่ๆ เพราะมันดึงดูดเราตลอดเวลา เวลาเดินผ่านของพวกนี้ ผมไม่เคยแม้แต่สักครั้งเดียวที่จะไม่เหลียวไปมอง

Q. อย่างนี้พูดได้ไหมว่าการ์ตูนมีอิทธิพลต่อชีวิตของผู้ชายที่ชื่อประภาส ชลศรานนท์

J. พูดอย่างนี้ดีกว่า ทุกอย่างที่อยู่รอบตัวผมมีอิทธิพลต่อผม ดิอิมพอสสิเบิ้ล เดอะบีทเทิ้ล โมสาร์ท สุนทราภรณ์ ไอ้มดแดง หน้ากากเสือ ผมเป็นเด็กบ้านนอกที่เขาเรียกว่าอะไรละ มันชอบอ่าน อยากรู้อยากเห็น แล้วก็จะมีนิตยสารอยู่เล่มหนึ่งที่มาในช่วงวัยเด็กนั่นคือชัยพฤกษ์การ์ตูน นิตยสารเล่มนั้นมีอิทธิพลกับผมมากนะ ต้องเรียกว่ามากถึงขั้นลากผมเข้ามาเรียนกรุงเทพฯ สอบเข้าเรียนเตรียมอุดม สอบเข้าสถาปัตย์ ในนิตยสารเล่มนั้นมีนักวาดการ์ตูนท่านหนึ่งนามปากกาคือ รงค์ (ณรงค์ ประภาสะโนบล) ผมชอบเส้นสายของท่าน เส้นสั่นๆ น่ารักเป็นทั้งสากลและมีความเป็นไทย ผมชอบนะแต่ไม่เคยเขียนตามเพราะเส้นคนละทางกัน เส้นผมมันเป็นแบบเส้นสถาปัตย์เป็นเหลี่ยมๆ ที่น่าแปลกใจคืออารงค์ที่เขียนในชัยพฤกษ์การ์ตูนเขาก็เป็นไอดอลของเอ็กซ์เหมือนกัน คือพอได้มาเจอกันแล้วคุยกันเลยรู้ แสดงว่าเอ็กซ์กับผมโตมาด้วยอิทธิพลของศิลปินคนเดียวกัน และถ้าสังเกตดีๆ ลายเส้นของเอ็กซ์จะคล้ายอารงค์เลยละ 

Q. แล้วทำไมต้องรามเกียรติ์ ทำไมต้องยักษ์

J. ก็พอเริ่มมาหาเรื่องที่จะทำกัน ก็คิดกันอยู่ว่าจะทำเรื่องอะไรกันก็นั่งคุยหนักกับๆ ทีม ทีแรกเลยคิดเล่นๆ ง่ายๆ ก่อน คิดแบบตื้นๆ เลยนะ คิดว่าจะเอารามเกียรติ์มาทำสัก EPISODE หนึ่ง คิดแค่นั้นจับนางสีดาไป คิดแบบสนุกๆ ง่ายๆ มีแปลงร่างมีแปลงเป็นกวาง คือก็ตีความจากการกลายเป็นกวางคือการทรานสฟอร์มเมอร์ คิดไปเรื่อยๆ คิดจนถึงกระทั่งว่าเราจะสะกดว่ารามเกียรติ์เป็นรามเกียร์ รามเกียร์คือเฟืองของรามก็คือหุ่นยนต์คิดไปเรื่อยว่ารามเราไม่ต้องเขียนรามา (RAMA) ตามแบบวิธีสะกดที่ถูกต้องหรอกที่เราจะเขียนรามเป็น “RAM” = แรม เป็นแรมของคอมพิวเตอร์หรืออย่างพระลักษณ์ก็ให้เป็น LUX ลักซ์ที่เป็นหน่วยความสว่างของแสง CDR ซีดีอาร์พ้องเสียงกับคำว่าสีดาเครื่องไร้ท์แผ่นซีดี ก็พยายามตีความจากรามเกียรติ์แท้ๆ เลยฉบับของไทยนะ  ทีนี้พอเริ่มนั่งคุยกันไปเรื่อยๆ มันก็มีความคิดหนึ่งเกิดขึ้นว่ามันน่าจะมีเรื่องของยุคสมัยนี้ในแง่ของปรัชญาชีวิตมนุษย์ทุกวันนี้เข้าไปเกี่ยว พอเราไปศึกษาเรื่องว่ารามเกียรติ์มีหลายอวตารมากแต่ละประเทศก็ไม่เหมือนกันนะ มีหลายอย่างแตกต่างกัน วิธีออกแบบไม่ต้องพูดถึงนะต่างกันลิบลับเลยไม่ว่าจะมาจากอินโดนีเซีย เขมร ลาว หรือว่าทางทิเบต อินเดียนี่ไม่เหมือนกัน แต่ทั้งนี้มีสิ่งหนึ่งที่อยู่ในรามเกียรติ์ที่พูดมาตลอดแล้วที่ฤาษีวาลมิกิ (ชาวอินเดียผู้ประพันธ์มหากาพย์รามายณะขึ้นเป็นภาษาสันสกฤตเมื่อกว่า 2,400 ปีก่อน) พูดเอาไว้ก็คือว่ามันเป็นการอวตารมาเกิดใหม่หลายชาติหลาย มีประโยคหนึ่งน่าสนใจมาก เพราะมันทำให้ผมคิดเนื้อเรื่องออกมาทันที ท่านบอกว่า ‘มีรามเกียรติ์เกิดขึ้นตลอดเวลาในโลกใบนี้ในชีวิตของมนุษย์เรา’ ผมนำประโยคนี้มาตีความต่อเลย ในกรุงเทพก็มีรามายนะ ในนิวยอร์ก ก็มีรามมายณะ ในโรงเรียน ในที่ทำงาน แม้แต่ในหัวของเราเอง ผมคิดเรื่องขึ้นใหม่เดี๋ยวนั้นว่า อวตารที่ผมจะทำ ผมจะไม่ให้เขาเป็นศัตรูกันแล้วสองตัวเอกหนุมานกับทศกัณฐ์ แล้วก็เริ่มตั้งคำถาม เรื่องจะเดินอย่างไรให้ไม่รบกัน นี่คือจุดเริ่มต้น แล้วก็คิดต่อว่าจะเอาจุดเด่นบางอย่างในรามเกียรติ์ที่ผู้คนคุ้นเคยมาใช้เช่นตัวละคร,ฉากที่คนจำได้ ฉากที่เด็กๆ พวกเราจำได้เอามา REVERSE ใหม่ ใครโดนหอกโมกศักดิ์นะคราวนี้เราจะเปลี่ยนตัวคนโดน นี่คือต้นที่มาของความคิดที่เราจะทำเรื่องนี้

Q. พอฟังอย่างนี้แสดงว่าตัวพี่จิกเองหลงใหลหรือสนใจอะไรในเรื่องราวของรามเกียรติ์อยู่แล้วเป็นทุนเดิมเยอะทีเกียว กลับกันในโปรเจ็คต์ในลิ้นชักความคิดที่จะทำแอนิเมชั่นก็มีอยู่ตั้งเยอะแยะแต่ต้องมีอะไรดีในมหากาพย์รามายณะนี้ถึงโดนใจให้เราตัดสินใจหยิบมาทำเป็นแอนิเมชั่นเรื่องแรก

J. รามายณะเป็นมหากาพย์ของชาวเอเชีย ผมใช้คำว่าเอเชียนะเวลาเราจะพูดถึงรามเกียรติ์ เราจะพูดว่ามันคือมหากาพย์ของเอเชียนะไม่ใช่ของไทยอย่างเดียว เพราะว่ารามเกียรติ์ของไทยนี่ก็แปลงมาจากฮินดูนะ เพราะฉะนั้นพอเราชอบประเด็นและภาพในหัว มันก็เกิดขึ้นว่าเราจะเล่าอย่างไร เพราะรามายณะนี่ยอมรับเลยว่ามีความครีเอทีฟสูงมากในเนื้อเรื่องและตัวละคร  แต่ว่าเวลาเราเล่าให้ใครฟังว่าเราจะทำรามเกียรติ์คนก็ถามว่าจะแบบทำแบบโบราณเลยหรือ เราก็ไม่รู้จะบอกอย่างไรดีเลยบอกตรงๆ ว่ามันเป็นเรื่องของหุ่นยนต์ พอบอกหุ่นยนต์ทุกคนจะสนใจ แสดงว่าการที่รามเกียรติ์เป็นหุ่นยนต์นี่คนทั่วไปเขารู้สึกว่ามันไม่โบราณ

Q. แล้วทำไมต้องเป็นหุ่นยนต์

J. จะบอกอะไรให้ ระหว่างที่ผมทำหนังเรื่องนี้อยู่ ผมเคยคิดนะว่าหนังเรื่องยักษ์เรื่องนี้ถ้าสร้างให้เป็นหนังคนแสดงจะได้ไหม แล้วก็ตอบตัวเองว่าได้เพราะเนื้อเรื่องมันเป็นแบบทำให้ผู้ใหญ่ดูก็ได้ แต่ถ้าเป็นแอนิเมชั่นเรื่องนี้มันควรเป็นหุ่นยนต์ มันมีสองเหตุผลคือ หนึ่ง มันเขียนบทได้โลดโผนกว่า รุนแรงได้โดยที่ไม่รู้สึกว่ารุนแรง มันอาจจะแค่รู้สึกว่ามันน่ารักหรือมันเด๋อเท่านั้นเอง ที่น่าสนใจคือมันมี MOVEMENT ของความเป็นแอนิเมชั่นสูง สอง ความเป็นหุ่นยนต์มันทำให้อวตารครั้งนี้ประหลาดกว่าครั้งอื่นๆ สมกับเป็นอวตารครั้งล่าสุด แม้เราจะคงไว้ซึ่งพระเจ้าผู้สร้างอย่างเดิม อย่างเราก็เคยได้ยินอยู่แล้วว่ามีคนคิดรามเกียรติ์เป็นเวอร์ชั่นต่างๆ หรือแม้แต่ว่าพระอภัยมณีซึ่งอันนี้ก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องใหม่ การที่รามเกียรติ์เป็นหุ่นยนต์ก็เคยมีคนคิด แต่พอเราเริ่มออกแบบก็รู้สึกสนุกดี หนุมานจะเป็นยังไงทศกัณฐ์จะเป็นยังไง แล้วเราจะแต่งเรื่องขึ้นใหม่อย่างไรให้ไม่เหมือนเดิมแต่มีเค้าเดิม แต่งอย่างไรให้สมัยใหม่และยังมีขนบ เพราะเรื่องมันก็เกิดเรื่องใหม่ขึ้นมา เมื่อคิดสะระตะเสร็จก็ตั้งชื่อเรื่องว่า “ยักษ์” เลย เพราะตั้งใจจะเล่าตัวนี้เป็นตัวเอกไม่เคยคิดเป็นชื่ออื่นเลย

Q. นี่แสดงว่าพี่จิกพุ่งเป้าตรงไปที่จะเล่าเรื่องตัวทศกัณฐ์เป็นตัวแรกเลย

J. ตัวแรกเลย

Q. ทำไมถึงชอบตัวนี้

J. มันเป็นตัวละครที่น่าสนใจมากนะในแง่ของความคิดสร้างสรรค์ คนคิดนี่สุดยอดครีเอทีฟเขาออกแบบมาให้มีสิบหน้า วิธีคิดแบบครีเอทีฟแบบนี้ไม่ง่าย ต้องบอกว่าตอนเด็กๆ พออ่านถึงทศกัณฐ์แล้วชอบมาก ยิ่งของรามเกียรติ์ไทยนี่สุดยอด ออกแบบให้หัวอีกเก้าหัวเรียงบนกระหม่อม ไม่เหมือนชาติอื่นเลย เท่มาก ต้องบอกว่าผมชอบทศกัณฐ์จนถึงขั้นเอามาตั้งชื่อรายการทีวีเลยนะ

Q. อย่างนี้ไปๆ มาๆ ความลุ่มหลงสนใจในยักษ์ทศกัณฐ์ของพี่จิกที่กลายมาเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดเป็นแอนิเมชั่นเรื่องแรกคงไม่ใช่แค่6ปีแล้วละมั้ง

J. ว่านับเอาความชอบทศกัณฐ์ด้วยน่าจะเกินครึ่งชีวิตนะ ผมชอบทศกัณฐ์และหลงเสน่ห์หนุมานด้วยนะ ตัวละครในรามเกียรติ์แต่ละตัวครีเอทีฟทั้งนั้น เช่นหนุมานหาวเป็นดาวเป็นเดือน คิดได้ไงหรือหางหนุมานที่พันรอบภูเขาได้ ผมว่าฝรั่งมาได้ยินรามเกียรติ์อาจลอกเอาไปใช้แล้วไม่บอกใครเลยละ หลายอย่างที่เราคุ้นเคยในรามเกียรติ์ผมเอามาเขียนเลย แล้วก็บิดให้คนดูตกใจ

Q. ย้อนกลับไปจากครั้งแรกที่ได้เจอกับพี่เอ็กซ์จนมาถึงวันแรกที่ตัดสินใจทำยักษ์ห่างกันนานแค่ไหนอย่างไร

J. เกือบๆสิบปีนะ

Q. ในทีมมีแต่คนไทยเท่านั้นใช่ไหม

J. ปีที่ผ่านมาโอ๋โปรดิวเซอร์หนังเรื่องนี้เขาเอาหนังไปต่างประเทศ ชาวต่างชาติเขาไม่รู้หรอกว่าคุณทำได้รึเปล่าคุณทำได้จริงเหรอ ให้ดูแค่คลิป เขาก็สนใจ เราเอาหนังที่เสร็จแล้วสองชั่วโมงตัดให้ให้สั้นลงไปฉายให้เขาดูก่อน พอเขาก็เห็นตัวหนังเต็มๆ แล้วเขาก็ทึ่งเขาก็อึ้ง เขาพูดมาประโยคหนึ่งไม่รู้ว่าจะดีใจหรือน้อยใจดีว่าคนไทยทำได้ด้วยเหรอทำจากเมืองไทยทั้งหมดเลยหรือ มีฮอลลีวู้ดมาช่วยหรือเปล่า เราบอกติดตลกว่าแม้แต่คนซื้อโอเลี้ยงก็ยังเป็นคนไทยเลย จะมีขั้นตอนเดียวที่มีฝรั่งก็คือตอนเข้าแล็ปเทคนิคคัลเลอร์ซึ่งสตาฟบางคนเป็นฝรั่งแล้วก็ขั้นตอนการทำเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ แต่ถามว่าทีมนี้ทั้งหมดตั้งแต่พล็อตไปจนถึงคนออกแบบจัดแสงทั้งหมดทุกคนมีบัตรประชาชนเป็นคนไทยหมดเลย

Q. จากจุดเริ่มต้นตรงนั้นคิดไหมว่าจะใช้เวลานานขนาดนี้

J. ไม่คิดนะ รู้ว่านานแต่ไม่คิดว่าถึงหก แต่พอปีที่สี่ผมก็รู้แล้วว่ายาวแน่ เพราะเราคิดว่าที่เราศึกษามาเยอะพอแล้วกลายเป็นไม่พอ ทำไปรู้ไป อาจเป็นเพราะมาตรฐานที่ตัวเองวางไว้ด้วย บางอันไม่ได้ไม่ถึงเราก็ไม่เอา มันยังไม่เหมือนอย่างในหัวผม ผมก็ยังไม่ผ่าน หาวิธีทำให้ได้

Q. ถ้างั้นคงต้องถามแล้วว่าพอเริ่มต้นจะทำแอนิเมชั่นโดยประภาส ชลศรานนท์ พี่จิกวางเกณฑ์หรือมาตรฐานในการทำอย่างไร

J. ก็ตัวเองต้องชอบก่อนเลย ไม่ว่าเราจะทำอะไรต้องเป็นสิ่งที่เราต้องชอบคือถ้าเราเป็นโปรดิวเซอร์ไม่ได้เป็นผู้กำกับเราก็จะให้เกียรติผู้กำกับมากกว่า ก็อาจจะบอกว่าเฮ้ยเอาประมาณนี้ได้ไหมก็อาจจะต่อรองกัน แต่ถ้าเราเป็นผู้กำกับเองเราก็ต้องต่อรองกับตัวเอง อีกอย่างต้องยอมรับว่าแอนิเมชั่นขั้นตอนมันไม่เหมือนหนังคน แม้แต่ฝรั่งเองอย่างต่ำนะสตูดิโอที่มีคนห้าหกร้อยคนต้องมีเวลาอย่างน้อยสามปี ตอนแรกผมยังคิดเลยว่าผมเป็นอยู่คนเดียวหรือเปล่านะ ไปอ่านสัมภาษณ์ถึงได้รู้ว่าเขาก็สามสี่ปี เนื่องจากเราคนไม่เยอะแล้วก็ประสบการณ์เป็นเรื่องแรกด้วยแล้วก็อันนี้พี่ก็คิดว่าน่าจะเป็นเหมือนๆ กันหมดนะไอ้ความรู้สึกอยากแก้ไปเรื่อยๆ หมายถึงว่าอย่างตอนแรกสตูดิโอของบ้านอิทธิฤทธิ์ไม่ได้อยู่ที่นี้ (บ.เวิร์คพอยท์ บางพูน ปทุมธานี) อยู่ที่เหม่งจ๋ายผมก็เดินทางไปบ้างอาทิตย์ละสองวันไปถึงก็หมดแรงแล้ว กรุงเทพรถติดจะตาย พอย้ายบ้านอิทธิฤทธิ์มาอยู่ที่นี่ (บ.เวิร์คพอยท์) ปุ๊บผมไปทุกวันเลย ไปเหมือนไปเยี่ยมเพื่อน ไปทำยักษ์ทุกวันวันละนิดวันละหน่อย มีอะไรไม่มีอะไรก็ไปดูเพิ่ม เหมือนไปดูต้นไม้ เป็นความเคยชินว่าบ่ายๆ ก็ต้องแวะไปดูละ ไปแก้โน่นนี่แวะไปคุยแล้วก็กลับมาทำงานต่อ พวกผู้กำกับแอนิเมชั่นฝรั่งเขาขับรถไปทุกวันสามสี่ปีเหมือนกันคือมันไม่ใช่อยู่กองถ่ายแล้วแอ็คชั่นแล้วเล่นเลย แอ๊คชั่นของเราทีหนึ่งกว่าจะขยับเป็นเดือน ต้องเริ่มจากสตอรี่บอร์ดก่อนเริ่มจากมุมกล้องแล้วก็เริ่มตั้งโมเดลขึ้นมา เราก็เลยมานั่งคุยกันแล้วก็ไปขั้นตอนในการไปพากย์ก็เอาเสียงพากย์มาตีความภาพควรจะเป็นอย่างไรตรงนี้มันต้องขยับไหมกว่าจะเสร็จออกมาพอใจพอออกมาเสร็จปั๊บปาเข้าไปครึ่งเดือนแล้วอย่างต่ำแค่คัทสั้นๆ แล้วก็ไปจัดแสง จัดแสงเสร็จดูว่ามันสวยแล้วหรือยังมาจัดแสงเหมือนหนังคนเลยนะเอาดวงไฟไว้ตรงไหน มันเยอะไปไหมควันไม่มีงั้นใส่ควันนิดนึงซึ่งถือได้ว่ามันเป็นการสร้างขึ้นจากทุกอย่างที่มันเริ่มต้นจากอยู่ในอากาศหมดเลย มันก็เลยว่าต้องไปทุกวันทำไปเรื่อยๆในบางอารมณ์ก็เหมือนนั่งสมาธิครับทำไปเรื่อยๆ ทำงานเพื่องานไม่ได้คิดว่าจะได้อะไร มีแค่ช่วงหลังๆ ที่ต้องเสร็จๆ ต้องเริ่มกระชับให้สั้นให้อยู่ในกรอบบางกรอบบ้าง อุ๋ย (ชมศจี เตชะรัตนประเสริฐ รองประธานกรรมการฝ่ายขาย บ.สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล) บอกว่าไม่ได้นะพี่ยาวกว่านี้ไม่ได้แล้วนะก็ต้องตัดออก การทำงานจะเอาแต่ใจตัวอย่างเดียวไม่ได้ ผมไม่ชอบอย่างนั้น ทำงานด้วยกันต้องสนุกทั้งทีมไม่ใช่ผู้กำกับสนุกคนเดียว แต่ช่วงสี่ห้าปีที่ผ่านมาต้องใช้ว่าโคตรมีความสุข ทำไปเรื่อยๆ แก้ไปหัวเราะชอบใจเหมือนกับเด็กได้ของเล่น คือตอนจะเริ่มต้นทำผมคุยกับเอ็กซ์ ชัยพรเลยว่าเราจะทำให้ได้คุณภาพสูงสุดที่เครื่องไม้เครื่องมือในเมืองไทยจะทำได้ ณ วันนั้นนะ เอ็กซ์ก็เขาก็บ้าคล้ายๆ กัน ไม่ดีไม่เลิกทำแก้ไปเรื่อยๆ เราก็คุยกันหนักๆ กันในทีมแอนิเมเตอร์และทีมที่ทำแอนิเมชั่นทั้งหมด หลายอย่างที่ผมอยากได้ เราทำได้จำกัด พิกซาร์มันทำได้เพราะมันมีวิศวกรออกแบบซอฟท์แวร์เอง  แม้แต่ดรีมเวิร์คยังทำไม่ได้เลย ผมก็คิดกันว่าเราต้องหาวิธีทำให้ได้อย่างเรา วิธีอ้อมก็เอา ไปหาวิธีทำมาให้ได้ อันนี้ยังไม่รวมที่ทำได้เสร็จแล้วยังไม่พอใจนะมันมีความกลมกล่อมที่แบบว่าสีตรงนี้อยากให้เป็นอย่างนี้   สีฉากนี้มันไม่ใช่แจ๊ดขนาดนี้ เราก็จะคุยกัน เราก็จะคุยกันเยอะก็จะไปหาวิธีเอามาดูกัน ในช่วงแรกๆ ผมเอาอาร์ทติสท์หลายคนมาช่วยกันวาดนะ แม้กระทั่ง ชาติ (สุทธิชาติ ศราภัยวานิช) ที่วาดการ์ตูนหัวปลาหมึก (Joe the Sea-cret Agent -นักสืบโจ หัวปลาหมึก) ก็เชิญมาช่วยจินตนาการ นักวาดคนที่เอ็กซ์รู้จักก็ชวนมาๆ ลองวาดดูและก็รู้ว่ามันไม่ตรงกับที่ผมต้องการ แม้จะไม่ใช่ทางที่เราเลือกแต่สิ่งที่เขาวาดมีประโยชน์มาก พอเราเปิดใจแต่แรกเราเลยได้ไอเดียมาเปรียบเทียบเยอะ

Q. พี่จิกมีเกณฑ์ไหมว่าในการทำแอนิเมชั่นเรื่องยักษ์อยากบอกหรือสอดแทรกแนวคิดอะไรลงไปในการ์ตูนเรื่องนี้

J. ทุกงานที่ผมทำมันก็จะมีตัวเราเข้าไปอยู่ เราก็จะบอกในสิ่งที่เราอยากจะบอก มันก็จะมีชั้นของมันอยู่เหมือนเพลงของเฉลียงหรือหนังสือหรืออะไรก็ตามนะ หรือเหมือนอย่างละครเรื่องเทวดาตกสวรรค์ต่อให้ไม่รู้ไม่เก็ทสิ่งที่ผมอยากจะบอกเลยนะ อย่างน้อยที่สุดคุณก็จะได้ความสนุกออกไปอย่างมหาศาล แต่ละคนมีแบ็คกราวน์ไม่เท่ากันด้วยบางคนก็ไม่อยากรับรู้ บางคนแบ็คกราวน์อยากรู้เรื่องนี้ก็จะโดนเรื่องนี้ ก็จะมีสิ่งที่อยากบอกไว้หลายๆ ชั้นอยู่ เรื่องมันมีหลายระดับนะหัวใจคือเรื่องมิตรภาพ เรื่องหน้าที่ แม้แต่คำถามที่ว่าเราเกิดมาทำไม แม้แต่เรื่องพลังอีโก้ในตัวมนุษย์ เรื่องที่พูดบางเรื่องก็อยู่ในเนื้อเรื่อง บางเรื่องก็อยู่ในตัวคาแร็คเตอร์ บางเรื่องมันก็อยู่ในบทพูดเช่นคำถามว่าถ้าเราเป็นศัตรูกันเราต้องเป็นศัตรูกันตลอดไปหรือ

Q. เป็นความตั้งใจของพี่จิกอยู่แล้วว่าคอนเซ็ปท์ของเรื่องที่จะทำแอนิเมชั่นเรื่องนี้คืออยากให้คนดูได้ทุกวัย

J. ต้องบอกเลยว่ายักษ์ไม่ใช่หนังเฉพาะเด็ก มันเป็นหนังของคนทุกวัย ในหนังอาจพูดเรื่องถึงสามสี่เรื่องนะ แต่ผมคิดว่าในแต่ละคนที่ดู ด้วยวัย ด้วยแบ็คกราวน์ ทุกคนจะเก็ทในเรื่องที่ผมอยากบอกต่างกัน แม้แต่ชื่อยักษ์ที่ตั้งขึ้นมา ยักษ์ภาษาไทยมันไม่ได้แปลว่าไจแอ้นท์อย่างเดียว มันแปลว่ามอนสเตอร์ด้วยนะ

Q. ฟังๆ ดูแล้วยักษ์คือหัวใจของเรื่องจริงๆ

J. มันชื่อเรื่องยักษ์เพราะว่าอะไร ยักษ์มันคือจิตใต้สำนึกของคนที่มีพลังมาก อันนี้เป็นสิ่งที่ผมพูดเรื่องนี้มานานแล้วมนุษย์เรามีพลังแบบนี้มันเอาไปทำอะไรก็ได้นะ แต่ถ้าเราคุมมันได้มันก็จะเป็นพลังที่เยี่ยม นานมาแล้วผมเคยมองหัวโขนทศกัณฐ์แล้วก็คิดว่าเก้าหัวของทศกัณฐ์เขาคิดอะไรอยู่ แล้วเขาคิดเหมือนหัวที่ใหญ่ที่สุดหรือเปล่า

Q. ถึงแม้ว่าแอนิเมชั่นจะเป็นสิ่งที่เด็กชอบดูแต่เรื่องนี้ตั้งใจทำให้ผู้ใหญ่ดูด้วยไหม

J. อยากทำให้ผู้ใหญ่ดูมากๆ บ้านเราผู้ใหญ่ชอบคิดว่าการ์ตูนเป็นเรื่องของเด็ก คิดอย่างนั้นโลกเรามันจะแข็งและเย็นชาเกินไป

Q. เป็นความตั้งใจตั้งแต่แรกเริ่มเลยที่จะทำแอนิเมชั่นยักษ์ที่มีรูปแบบของมิวสิคคัลเข้ามาสำคัญที่ผสมผสานอยู่ในตัวเรื่องด้วย

J. อย่างมิวสิคคัลสำหรับแอนิเมชั่นเรื่องยักษ์ก็มีความจำเป็นนะ มันทำให้อิ่มหรือแม้แต่งานของผมเองหลายชิ้นก็มักใส่ความเป็นมิวสิคคัลเข้าไปอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว มันคล้ายๆ กับเป็นความชอบส่วนตัวด้วย มิวสิคคัลมันจะช่วยทำให้แอนิเมชั่นมีความเป็นกวีเพิ่มขึ้นมา บางทีมันลดโทนของความหนักลงมาด้วยแล้วเวลามันเล่าอะไรด้วยเพลงสักอย่างถ้ามันจังหวะดีนะมันจะรู้สึกมาก ตั้งแต่เริ่มแรกที่มีตั้งแต่อยู่ในบทเลยว่าจะต้องมีเพลงตรงนี้ๆ หรือมีฉากที่เป็นมิวสิคคัล เป็นคนวางเองแต่ก็มีแก้ไขบ้างบางอย่าง เพลงนี่ก็ไม่ได้เขียนเองทั้งหมดใช้ปากกาหลายคน บางทีก็ให้ ต้อง (บัวไร-พัลลภ สินธุ์เจริญ) ช่วยเขียนบางเพลงและที่มันไม่มีก็ให้เขาเขียนเลย หรืออย่างเพลงตอนจบ คิดไว้เลยนะว่าจะพูดเรื่องอะไรนะแต่ไม่อยากเขียนเองก็เลยไปชวนแสตมป์มาเขียนบอกเขาเลยว่า ตั้งใจอยากให้แสตมป์มาเขียน เรื่องมันมาอย่างนี้แล้วให้ดูหนังคร่าวๆ แล้วเล่าให้ฟังว่ามันกำลังจะพูดเรื่องอะไร จบมันควรจะพูดเรื่องอะไรนะ เพลงเกิดมาเป็นเพื่อนเธอคือเราได้ประโยคหนึ่งมาจากหอย ขณะที่หอยเขาพากย์อยู่ แล้วเวลาที่เขาพากย์กันมันก็จะมีความสนุกสนานของมันก็จะมีเหมือนแหย่กันไปแหย่กันมา ผมก็จะบอกว่าหอยฉากนี้มันต้องมีอารมณ์มากกว่านี้ ได้พี่ ได้เลยครับพี่ ผมเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ แล้วหอยเขาก็ไปพากย์ เขาจะแหย่ทีมงานด้วยประโยคนี้บ่อยๆ ผมเกิดมาเพื่อสิ่งนี้แล้วเราก็จะหัวเราะกัน ไอ้คำนี้เวลาเราพูดกันแล้วหัวเราะนี่ ผมคิดนะมันมีอะไรบ้างอย่างที่สอดคล้องกับสิ่งที่อยากจะบอกมากเลย เราอวตารลงมาเกิดมาเพื่อที่จะรบกันมาโดยตลอดแต่ตอนนี้เราเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ เราอวตารมาเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ เพื่ออะไร นี่แหละเพลงนี้มันเลยเกิดขึ้นมา เคยคิดเหมือนผมไหมว่าบางทีเราเข้าไปอยู่ที่ไหนสักแห่งเพื่อรู้จักใคร เหมือนเกิดมาเพื่อเป็นคู่กัน เหมือนกับว่าเวลาผมให้กำลังใจเด็กๆ ที่แบบว่าเอ็นทรานซ์ติดอีกที่หนึ่งที่ไม่ได้ดั่งใจ ผมจะบอกว่ามีใครบางคนรอคุณอยู่ที่นั่น ก็เลยบอกสแตมป์ไปว่าประโยคนี้ผมอยากได้นะ คือผมต้องการลายมือเขาลายมือเขา เป็นลายมือของเด็กยุคนี้ที่ผมชอบมากที่สุดคนหนึ่ง ผมเขียนเองก็ได้แต่บางทีก็เบื่อลายมือตัวเอง

Q. ฟังๆ ดูแล้วเหมือนพี่จิกมีภาพอยู่ในใจของการทำการ์ตูนเรื่องนี้อยู่ในทุกส่วนเลย

J. มีภาพอยู่ในใจทั้งหมดเกือบทุกส่วนเลย แต่ว่าบางทีให้ศิลปินคนไหนไปแล้วเขาบิดอะไรบางอย่างเติมเข้ามาแล้วรู้สึกว่ามันมากกว่าที่เราคิดเราก็ชอบ แต่ถ้ามันผิดทางเราก็บอกว่าไม่ใช่

Q. ฟังๆ ดูแล้วนอกจากจะเป็นต้นน้ำทางความคิด ต้นตอของไอเดียต่างๆแล้ว ในการทำแอนิเมชั่นเรื่องยักษ์ พี่จิกยังทำหน้าที่เหมือนต้นไม้ใหญ่ที่จะพร้อมจะพากิ่งก้านที่ออกรากแตกหน่อไอเดียต่างๆ ให้มันต่อยอดออกไปอีกได้อย่างไม่รู้จบ

J. ไม่อย่างนั้นจะทำงานกันคนหลายคนทำไม ไม่งั้นเราจะมีศิลปินเก่งๆ มารวมตัวกันทำไม ถ้าเราคิดว่าเราเอาไอเดียของเราเป็นหลักอย่างนี้คนที่มาก็ต้องเรียกว่าช่างทุกคน ไม่ได้เป็นช่างนะทุกคนเป็นศิลปินหมดนะ แม้ แต่หอยเองหรือแม้แต่โน้สที่มาช่วยพากย์รับเชิญเขานำเสนอบางอย่างในสิ่งที่เขามองเห็นอีกแบบหนึ่ง  เราก็บอกเออเฮ้ย นี่ก็เป็นสิ่งที่เราไม่เคยคิดถึงนะ หนุ่มนี่ช่วยเยอะมากเลย แม้แต่โน้สที่มาช่วยพากย์เขาก็ให้ความเห็นอีกแบบหนึ่ง ทุกคนช่วยกันไม่ว่าจะเป็นฝั่งของแอนิเมเตอร์ ฝั่งของซีนดีไซน์ทุกคนมีสิทธิ์นำเสนอหมดไม่ว่าจะมาด้วยปากหรือทำมาให้ดูเลย

Q. พูดถึงทีมเขียนบทหน่อย นอกจากพี่จิกแล้วมีใครอีก

J. ก็มีต้อง-บัวไร (พัลลภ สินธุ์เจริญ) บัวไรนี่เป็นผู้ช่วยผู้กำกับด้วย นั่งเกลาบทกันตลอดเวลา ในระหว่างนั้นก็มีคนมาแจมบ้าง ชลากรณ์นี่ก็เคยมาช่วยหาข้อมูลเคยนั่งล้อมวงคุยบทด้วย แล้วก็มีโจ้กับแปลนจากทีมโต๊ะกลมที่เขียนบทละครเวทีเร่ขายฝันมาผสมโรงตอนนั่งคุยเรื่องบทด้วย

Q. จนมาถึงขั้นตอนต่อไปที่ถือได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการแปรความคิดไอเดียจากตัวหนังสือมาเป็นภาพ

J. บทเรื่องนี้เขียนกันหลายเดือน พอเริ่มเขียนเสร็จร่างแรกๆก็เข้าสู่ขั้นตอนพรีโปรดักชั่น เริ่มด้วยการดีไซน์คาแร็คเตอร์ก่อน ซึ่งในขั้นตอนนี้ทางเอ็กซ์ก็จะเข้ามาเกี่ยวข้อง มานั่งคุยกันเลยว่าตัวหนุมานเป็นยังไง เก่งมากไวมากเป็นฮีโร่แต่เราอยากให้พูดมาก จะขี้โม้มั้ย หน้าตามันต้องกวนๆ หน่อยไหม หนุมานในรามเกียรติ์นี่ขี้เล่นแน่นอน เพราะเป็นลิง อีกตัวทศกัณฐ์คืออะไรคือพญายักษ์ที่ดุร้าย เก่งที่สุดและก็ใช้คำว่าฆ่าไม่ตายเอามาใช้ด้วย เพราะเรื่องแก่นหลักของรามายณะคือทศกัณฐ์ฆ่าไม่ตายนะ เขาเอาหัวใจไปฝากไว้ที่พระฤาษี เราจะแปลคำว่าฆ่าไม่ตายให้เป็นอะไร เพราะอย่างหนุมานทศกัณฐ์เราก็เอามาตีความว่าต้องเป็นคนแบบนี้มีบุคลิกลักษณะแบบนี้  บทร่างแรกๆ นี่ตอนมีความยาวเต็มๆ หนุมานตอนฟื้นนี่ผมใส่เจ้าเล่ห์มากกว่านี้นะ อันนี้ลดลงตัดออกไปเยอะ ในขณะเดียวกันพอทศกัณฐ์ในคาแรคเตอร์แบบลงไปจิตใต้สำนึกลึกสุดเลยเขาจะเป็นคนซื่อแบบไม่มีอะไร นอกจากหนุมานกับทศกัณฐ์แล้วในส่วนตัวละครอื่นในรามเกียรติเราก็เลือกมาใช้ว่าต้องใช้ใครโดยไม่ได้คิดว่าจะต้องเอามาทั้งหมด พอเราคิดถึงหอกโมขศักดิ์ที่คนจำได้ก็ต้องมีตัวที่ใช้หอกออกมาก็มีกุมภกรรณ แต่ในรามายณะเขาเป็นน้องชายกัน แต่ในเรื่องนี้เราให้หนุมานกับทศกัณฐ์รบกันแล้วพัง พระรามทำลายล้างสูญสิ้นสงครามแล้วเวลาก็ผ่านไปเป็นล้านๆ วันแล้วก็เกิดขึ้นใหม่ กุมภกรรณในอวตารนี้เขาจะเหมือนคนคลั่งสงครามในยุคใหม่ ตัวภุมภกรรณสร้างจากคาแรคเตอร์แบบนั้น ถามว่าคนแบบนี้ในโลกยังมีอยู่ไหมมีนะ ชอบสงครามเพราะมันเท่ทั้งๆ ที่ไม่เคยรบ กุมภกรรณไม่ใช่หุ่นที่อยู่ยุคเดียวกันกับทศกัณฐ์ในช่วงที่รบหรือทำสงครามกัน เพียงแต่เป็นหุ่นพันธุ์เดียวกันเป็นหุ่นพันธุ์ยักษ์เท่านั้นเอง   แต่ว่าเขาเห็นแต่แค่เทวรูปทศกัณฐ์ที่ไม่เหมือนจริง เพียงแต่ยังคิดเสมอว่าท่านยังอยู่ท่านยังอยู่ แล้วเขาก็เก็บอาวุธสงครามไปเรื่อยๆ แม้กระทั่งเครื่องบิน สดายุจริงๆ ตัวละครตัวนี้ใสมากเลยนะเขาเชื่ออยู่เรื่องเดียวเขาไม่มีเรื่องอื่นเลยและเขาภักดีมากคือคิดอย่างเดียวคิดไปทางเดียวเลย  เขาคิดทำเพื่อสิ่งนั้นสิ่งเดียวจริงๆ ไม่ได้เป็นตัวละครที่ร้ายนะ เพียงแค่เขามีความเชื่อว่าสักวันทศกัณฐ์จะต้องกลับมา ในแอนิเมชั่นยักษ์มีตัวละครที่สร้างขึ้นใหม่ที่ไม่เกี่ยวกับรามายณะเลยคือน้องสนิมน้อย เราสร้างตัวนี้ขึ้นมาเป็นตัวแทนคนดูที่เป็นเด็ก ผมอยากให้เด็กเป็นตัวเชื่อมมิตรภาพของสองศัตรู แล้วเราก็วางคาแร็คเตอร์ให้เป็นเด็กมีปม เป็นเด็กกำพร้าเป็นเด็กที่มอมแมมและแปลคำว่ามอมแมมให้กลายเป็นสนิมซะ มีน้ำมูกตลอดเวลาจนกลายเป็นปมด้อย น้ำมูกโดนใครก็เป็นสนิมกันหมด แต่สุดท้ายมันกลับกลายเป็นสิ่งสำคัญในการดำเนินเรื่องได้ ดีไซน์ตอนแรกน่ากลัวกว่านี้นะปากนี้เป็นสนิมจริงๆ เราเถียงกันหนักเหมือนกัน และเอ็กซ์ก็เป็นคนเสนอเองว่าเอาสนิมออกเถอะเอาแค่ป้านๆ ว่าเคยเป็นสนิมแล้วพ่นสีทับ ก็มีคนทักว่าไม่เห็นมีสนิมเลย มันจะดูแบบน่ากลัวไม่น่ารัก มาจนถึงสดายุก็เป็นตัวหนึ่งที่เป็นเครื่องมือ พอเรามีตัวนี้ปุ๊บเราก็คิดเลยว่ามันน่าจะทำเป็นมุกนะ เรื่องเดิมเป็นนกตัวหนึ่งที่อยู่ฝั่งพระราม มาคราวนี้เราให้เป็นผู้หญิงซะแล้วก็เอามาเป็นเครื่องบินรบของกับทศกัณฐ์ด้วย เป็นเหมือนวัตถุโบราณสมัยสงครามที่กุมภกรรณเขาก็เก็บๆ มาเรื่อยๆ ประมูลมา

Q. ไม่เพียงแค่สี่ตัวละครหลักที่พูดถึง ความอลังการงานสร้างของแอนิเมชั่นเรื่องยักษ์ “มีการสร้างเรื่องเนรมิตรดีไซน์ตัวการ์ตูนอีกเป็นร้อยๆตัวในหนังเรื่องนี้ด้วย

J. ใช่ ต้องออกแบบหุ่นในเรื่องนี้เป็นร้อยๆ ตัว ตัวที่อยู่ใกล้ๆ ก็ต้องดีไซน์หน่อย ตัวที่มีบทนะ อย่างเพื่อนเด็ก ลูกนายกเทศมนตรี ตัวนายกเทศมนตรี ลุงช่างที่คนแก่ๆ ที่รู้ตำนาน พวกนี้เราจะดีไซน์ละเอียดหน่อย แต่พอไกลๆ ไปก็ถือเป็นกองทัพไป อย่างพวกหุ่นทหารยักษ์ อันนี้ก็จะกลุ่มหนึ่งๆ พวกที่อยู่ในย่านซื้อของ กลุ่มคนขายของเก่าก็เป็นร้อยๆ ตัวนะ แต่ว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นเราก็จะเห็นตัวละครที่เป็นหุ่นยนต์ที่ถูกแบ่งออกเป็นหุ่นกระป๋องกับหุ่นยักษ์ มันเหมือนกับลิงกับยักษ์นั้นแหละ เราแปลงลิงเป็นหุ่นกระป๋องและแปลงยักษ์เป็นหุ่นยักษ์ แล้วยักษ์ก็จะไม่ค่อยมายุ่งกับหุ่นกระป๋อง เหมือนคนป่าที่ไม่ค่อยมายุ่งอยู่กับคนเท่าไหร่ แต่ก็มีอยู่บ้างนะ แล้วหุ่นกระป๋องส่วนใหญ่มักจะใช้ล้อ แต่ที่ไม่ใช้ก็จะมีบ้าง ส่วนยักษ์ก็จะมีขา แล้วก็พวกพันธุ์ผสมก็มี  แล้วก็มีนักปีนเขาเป็นคีย์แมน เป็นตัวที่โน้ส พากย์ ซึ่งตัวนี้มันคือคนเขียนบท คนที่อยากจะบอกอะไรกับคนดู เราเลือกเชิญโน้สเพราะบุคลิกตัวตนจริงๆ ของโน้ส แม้บทจะไม่เยอะเลยแต่สำคัญมาก ตัวนี้มันเป็นเหมือนคนที่มีเป้าในชีวิตที่จะทำสิ่งที่คนคิดว่าเป็นไปไม่ได้ คือเขาคิดอะไรไม่เยอะมาก ทำไปเรื่อยๆ เขามาให้สติอะไรบางอย่าง คำพูดของเขาเหมือนไร้สาระ แต่ตรงไร้สาระนี่มีสาระที่สุด เราตั้งชื่อเขาว่าบรู๊คส์เพราะมีความประทับใจมาจากหนังเรื่อง THE SHAWSHANK REDEMPTION คือบรู๊คส์ ในหนังฝรั่งเรื่องนั้นเขาจะไปขูดอะไรไว้ใช้ชื่อเดียวกันคือ BROOKS WAS HERE เราชอบหนังเรื่องนี้กัน เราจะตั้งชื่อว่าอะไรกันดีนะ ชื่อว่าอู๊ดแอ๊ดก็ไม่มีประโยชน์อะไร เผอิญมันมีประเด็นว่าเขาชอบไปขูดเอาไว้ตามที่ต่างๆ เหมือนกัน และมันควรว่าจะเขียนว่าไงนะ อู๊ดอยู่นี่ ซึ่งเราก็คิดว่าเออมันมีหนังอยู่เรื่องหนึ่งนะ ก็จะเขียนคำว่าอะไรที่ทำให้คนทั้งโลกรู้ ก็ BROOKS WAS HERE การออกแบบนอกจากจะเอาลักษณะของนักไต่เขาที่ชอบพกอุปกรณ์มากมายแล้ว หน้าตาก็เอามาจากโน้ส แต่ตั้งใจไม่ให้มีจมูกใหญ่เพราะจมูกมันไม่เหมาะกับหุ่น มีแล้วมันดูเป็นคนมากเกินไป การออกแบบให้หุ่นไม่มีจมูกใหญ่แล้วดูออกว่าเป็นโน้สเป็นความท้าทายของคนออกแบบนะ

Q. มาพูดคุยในส่วนของบรรดานักแสดงที่มาให้ชีวิตให้เสียงกับตัวการ์ตูนกันบ้าง

J. มันเริ่มจากตัวคาแร็คเตอร์ของการ์ตูนแต่ละตัวมันถูกกำหนดถูกดีไซน์ไว้ก่อนแล้วตามท้องเรื่อง แล้วเราต้องหาเนื้อเสียงให้ตรงกับคาแร็คเตอร์ แล้วผมต้องการนักแสดงที่เก่ง ที่มีบุคลิกโดดเด่น แล้วคล้ายตัวละครที่ออกแบบมาแล้ว หลายตัวละครเราก็เลยปรับ เอาเอกลักษณ์ของคนพากย์มาใส่ลงไปในตัวการ์ตูนด้วย เช่นเสนาหอยก็จะมีผมที่เป็นเร้กเก้ เราก็เอามาดัดเป็นเสาอากาศที่ประหลาดกว่าตัวอื่น ตัวอื่นมีเขาอันเดียวแต่อันนี้มีถึงสามอัน ปากหนาตาโปนก็จะมีความเป็นหอยอยู่ ตัวหอยฉลาดคล่องแคล่วพูดเก่งติดตลก ตรงนี้เป็นบุคลิกเดียวกันกับเผือก ส่วนหนุ่มสันติสุขเข้ามาเป็นตัวทศกัณฐ์หรือน้าเขียวเป็นยักษ์เราไม่ได้เลือกหนุ่มที่หน้าตาเพราะเขาหล่อเกินไป แต่ว่าที่เราเลือกเขาเพราะเสียงหนุ่ม เขาเคยพากย์การ์ตูนเป็นตัวร้ายบ่อยๆเสียงเขามีน้ำหนักคือหุ่นตัวนี้เราเคยเทสต์มาหลายคนละพอพากย์แล้ว ถ้าเสียงไม่มีเนื้อพอมันดูจะตัวเล็กกว่าตัวละครเพราะเนื่องจากมันเป็นหุ่นรบตัวใหญ่ เสียงที่ต้องออกมาแล้วมันต้องใหญ่มีอำนาจ ที่สำคัญคนที่จะสามารถพากย์เป็นตัวร้ายได้และในขณะเดียวกันพากย์ให้อารมณ์แบบใสซื่อแบบบุญชูได้ในตัวเดียวกันในเมืองไทยมันมีไม่กี่คน ตัวหนุ่มเองเขาเป็นนักแสดงที่ไม่ได้มาพากย์อย่างเดียวนะ เขาแสดงเลย ตอนที่พากย์ครั้งแรกนี่ นักแสดงแต่ละคนยังไม่เห็นหนังยังไม่เห็นการ์ตูนเคลื่อนไหวเลย เห็นแต่ภาพนิ่งแต่เขาต้องแสดงออกมาแล้ว  บอกได้เลยว่าเขาเหนื่อยไม่แพ้แสดงหนังจริงๆ ตอนพากย์ฉากสำคัญนี่เราถ่ายวิดีโอไว้ด้วยนะ เราก็จะเห็นอารมณ์จากดวงตาของเขาเลย เราเอามาดูเพื่อศึกษาด้วย แล้วงานของคนวาดหรือแอนิเมเตอร์ก็ต้องคิดคำนวณและต้องเก่งด้วยว่าจะต้องเคลื่อนไหวแค่ไหน เพราะถ้าเคลื่อนไหวเหมือนคนมากเกินไปมันไม่เป็นแอนิเมชั่น มันไม่น่ารักมันแท้เกินไป แต่ขณะเดียวกันมันก็ต้องได้อารมณ์ตามนักแสดงด้วย โกรธ เศร้า สนุก ต้องได้ตามเสียงของนักพากย์

Q. แสดงว่านักแสดงเข้ามามีส่วนร่วมในขั้นตอนการทำการ์ตูน ตั้งแต่ขั้นตอนที่มีการดีไซน์ตัวละคร เพราะกลับกันแอนิเมชั่นบางเรื่องวาดเสร็จหรือทำเสร็จแล้วถึงค่อยมีนักพากย์เข้ามาพากย์ใหม่

J. ใช่ครับ ตอนคัดเลือกนักแสดงเสร็จ เรามีการอ่านบทแบบ First lips เหมือนหนังเลยนะ มีหนุ่มสันติสุขมีเสนาหอยนั่งอ่านบทปะทะกันอยู่กับน้องออมสิน (ที่พากย์เป็นสนิมน้อย) เลย และพี่ก็นั่งฟังว่าเสียงสามคนเวลานั่งอยู่ด้วยกันแล้วมันเป็นยังไง เอออันนี้เสียงเล็กกว่าไอ้นี่เสียงใหญ่กว่า คือผมอยากเห็นการเข้าคู่กับของเสียงทั้งเรื่องด้วย ต้องดูทั้งคอนทราสต์ต้องดูทั้งฮาโมนี่ด้วย คือในเรื่องเขาต้องเดินเรื่องไปด้วยกัน

Q. คราวนี้อยากให้พี่จิกพูดถึงนักแสดงที่มาให้เสียงให้ชีวิตกับตัวการ์ตูนแต่ละตัว

J. หอยเป็นหนุมานจริงๆ ถ้าตอนเขาเด็กๆ ไปสมัครโขน ครูบาอาจารย์ก็คงคัดหอยให้อยู่ในกลุ่มลิง หอยเป็นคนหัวไว ความคิดซน มีลูกตอดต่อเนื่องตลอดเวลา คือเป็นหนุมานในโทนคอมมิดี้ ตัวลิงเป็นอย่างนี้ทั้งนั้นแม้แต่ทางกรมศิลป์คนที่เคยเล่นเป็นบทหนุมานทุกคนซนหมด ครูมืด (ประสาท ทองอร่าม) ยังเคยเล่นหนุมานเลย ที่สำคัญที่สุดคือเนื้อเสียงของหอย มันลงตัวกับเสียงของหนุ่ม แม้กระทั่งสนิมเองเราเคยคิดว่าจะเอานางเอกดังๆ มาพากย์นะ ให้พากย์เสียงเด็ก แต่สุดท้ายเราคิดว่าเราต้องการการแสดงจริงๆ อย่างเป็นธรรมชาติ งอนแบบเด็ก ขำแบบเด็ก เราก็เลยตัดสินใจยอมเหนื่อยคัดเด็ก เชิญมานั่งอ่านให้ฟังเป็นสิบๆ คน เด็กส่วนใหญ่เสียงน่ารักอยู่แล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่มีในเด็กเดี๋ยวนี้หายากมากเลยคือธรรมชาติ เด็กที่ถูกคัดมามาพากย์มีสองแบบคือเด็กโนเนมที่ไม่เคยแสดงซึ่งส่วนใหญ่ขี้อาย เสียงได้แต่เวลาให้แสดง มันทำงานยาก ต้องกล่อม ต้องบอกพ่อแม่ให้มาอยู่ด้วย ทำงานยากแน่ๆ มีประเภทหนึ่งคือเป็นดาราเด็กมีประสบการณ์ เราเชิญคนที่เคยเล่นเป็นนากเอกตอนเด็กๆ มาคัดตัวก็หลายคน น้องออมสินโผล่มาคนสุดท้าย โดดเด่นมาก อ่านบทให้ฟัง เราฟังแล้วเรารู้สึกตาม มีความเป็นธรรมชาติสูง ร้องเพลงเก่ง ฉลาด แล้วมีวินัย สามารถทำงานได้แบบมืออาชีพ จะพักจะทำงานไม่มีงอแง พอเริ่มงานดีดนิ้วปั๊บเข้าฉากปั๊บธรรมชาติมาเลย ร้องไห้หัวเราะดูไม่เสแสร้ง เป็นเด็กที่มีพรสวรรค์สูงมาก

Q. ตั๊กบริบูรณ์เป็นกุม เห็นว่าตัวบทนี้มีหลายคนมาแคสติ้งมากกว่าจะลงตัว

J. มาแคสติ้งเยอะ เพราะว่ากุมมันเป็นตัวละครที่มีสีสัน เป็นตัวเติมสีของเรื่องเลย แล้วก็มีหลายคนที่มาแคสบางคนเล่นดีแต่น้ำเสียงแก่ไป บางคนคาแร็คเตอร์ใช่หนุ่มแน่นฉกรรจ์แต่เล่นแล้วไม่บ้าพอ แต่อย่าง ตั๊กเขาเป็นคนบ้าแบบว่าถวายหัว ถ้าเขารักใครเขาทำอะไรให้ใครเขาก็จะทำอย่างนั้นนะ สังเกตว่าตัวละครตัวนี้ก็จะเป็นเหมือนตั๊กตรงที่หลงใหลและชื่นชมทศกัณฐ์ ทำทุกอย่างได้เพื่อทศกัณฐ์ ตัวละครตัวนี้มันเหมือนมีเส้นบางๆ กั้นอยู่ระหว่างความบ้ากับความโหดร้าย ตั๊กก็คล้ายๆ กันมีอยู่ตรงกลางระหว่างความบ้ากับความจริงจัง คิดเหมือนผมไหมถ้าตั๊กเป็นคนบ้าจริง เขาจะเป็นคนบ้าที่ทุกคนอยากอยู่ใกล้ๆเขาไม่ใช่คนบ้าที่แบบว่าคนกลัวแล้วเดินหนี คือแค่เห็นเขาทำอะไรเราก็ยิ้ม มีความสุข

Q. พี่เหมี่ยวปวันรัตน์เป็นนกสดายุ

J. พี่เหมี่ยวนี่พอเราบอกว่าเราจะมีเครื่องบินรบ เราจะมีนกสดายุ คาแร็คเตอร์เป็นนกตัวหนึ่งเฮ้ยเอาเป็นนกออกสีดำๆ ไหม แล้วเราก็หัวเราะกันผมบอกไปเลยว่าเดี๋ยวเอาเหมี่ยวมาพากย์ เพราะรู้มือกันอยู่เหมี่ยวนี้เล่นละครกับพี่มาตั้งแต่สมัยเทวดาตกสวรรค์ก็เกือบสามสิบปีแล้ว เหมี่ยวเป็นนักแสดงคอมมิดี้ก็จริงนะ แต่เขาเป็นนักแสดงคอมมิดี้ที่เข้าใจบทมาก เขาเล่นลึกเขาเล่นกระแหนะกระแหนเก่งมาก และตัวละครตัวนี้เป๊ะเลย คือถูกสร้างขึ้นมาเพื่อมากระแหนะกระแหนคนตลอดเวลา แล้วเหมี่ยวเป็นนักแสดงที่อิมโพไวซ์บทได้เก่ง ประโยคไหนไม่เข้าปาก ผมให้เขาบิดคำได้เลย ฟังเหมี่ยวพากย์แล้วสนุก คนทำงานในห้องพากย์หัวเราะกันทุกครั้ง ไม่น่าเชื่อว่าคนที่พากย์เป็นฝรั่ง (เวอร์ชั่นเสียงภาษา อังกฤษ) เป็นผิวดำโอ้โหพากย์มันส์เหมือนเหมี่ยวเลยคือเรื่องกระแหนะกระแหนประชดประชันตลอดเวลา

Q. มีแจ๊ปเดอะริชแมนทอยด้วย

J. ผมเห็นเขาในคอนเสิร์ตมันจะออกแบบมันส์ๆ หน่อย รู้สึกหนุ่มคนนี้น่าสนใจก็เลยเชิญมาเขาสนุกกัน ผมบอกบทไม่เยอะนะ เขาก็อยากสนุก มีร้องเพลงด้วย แต่หนังมันยาวไปหน่อยผมเลยตัดเพลงออก เขาพากย์ก็เหมือนเวลาที่เขาเล่นคอนเสิร์ตก็มีความสนุกสนานตลอดเวลาสไตล์ของเขา แบบพ่อค้าเร่เข้ามาโวยวายๆ เวลาเขาอยู่บนเวทีเขาก็ใช้เสียงคุมคนเยอะๆ เหมือนกัน

Q. เห็นว่ามีโน้ส อุดมด้วย

J. มีตัวละครตัวหนึ่งมันคือหุ่นยนต์นักไต่เขา เป็นตัวสำคัญมาก แล้วผมอยากให้เป็นโน้สมาสวมบท ตั้งแต่คิดตัวละครตัวนี้ขึ้นมา ตอนที่บอกอุดมให้มารับบทนี้ ผมบอกว่าบทไม่เยอะเลยแต่บทสำคัญมาก เพราะเป็นตัวที่ทำให้เรื่องดำเนินต่อไปได้ด้วยคำพูดของเขา เขาตั้งคำถามที่ทำให้ตัวละครเอกต้องทบทวน ที่เลือกอุดมมาพากย์ตัวนี้ก็เพราะ ตัวละครตัวนี้เหมือนคนพูดจาไร้สาระ แต่ตรงที่ไร้สาระนั้นเป็นสาระที่สุด เอ็กซ์ออกแบบหุ่นตัวนี้ให้มีอุปกรณ์ปีนเขาเต็มไปหมด รวมไปถึงขาที่เป็นจุกแบบติดผนัง และเสาอากาศที่เป็นล้อบนหัวเพื่อให้กลิ้งตัวไปมาแบบกลับหัวได้ แม้จะบทน้อยแต่อุดมกลับพากย์อย่างสนุก เขาให้ผมเลือกสามสี่แบบ แบบนักเลงปากซอย แบบลุงขี้บ่น แบบคนใต้ อีกเหตุผลหนึ่งที่เลือกอุดมมารับบทนี้ก็เพราะ ตัวละครตัวนี้มีความคิดอยากทำสิ่งที่คนอื่นคิดว่าเป็นไปไม่ได้นั่นคือการปีนไปหาดวงอาทิตย์ ซึ่งผมคิดว่าอุดมเองก็เป็นศิลปินที่มุ่งมั่นคนหนึ่ง ผมว่าเขาทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เราเห็นหลายครั้งแล้วนะ, มีคนถามว่าหน้าตาของหุ่นมีคนถามว่าทำไมไม่มีจมูกใหญ่ๆ ผมคิดว่าหุ่นถ้ามีจมูกมันมีหน้าตาเป็นคนมากไป แล้วการออกแบบให้ไม่มีจมูกแต่ยังดูออกว่าคล้าย มันเป็นความสนุกและท้าทายอย่างหนึ่งนะ

Q.นอกจากนี้ก็จะมีอีกหลายๆ คนที่มาร่วมด้วยช่วยกันสร้างสีสันให้กับตัวละครอื่นๆ ในลักษณะของ cameo รับเชิญ

J. คือพอโปรดักชั่นเฮ้าส์พอสตูดิโอเราอยู่ที่นี่ปุ๊บ (เวิร์คพอยท์) มันอยู่ใกล้โรงถ่ายมาก บางอารมณ์มานั่งนึกว่าจะหาใครมาพากย์เป็นตัวประกอบดีนะ เดินผ่านมาเราก็เรียกเลยตุ๊กกี้!!มาฝากเสียงใส่ไว้ให้หน่อยนะได้เลยค่ะพี่ ส้ม (ส้มเช้ง) มาเลยๆ กลายเป็นว่าเราได้มืออาชีพเลย ต้องไปลองนั่งฟังดูว่าจะร้องอ๋อ อย่างส้มเช้งเล่นเป็นเมียนายกเทศมนตรี ขี้โวยวาย ไปฟังเสียงแล้วจะรู้ ตุ๊กกี้เดินมาหามาปรึกษาอะไรบางอย่าง ถ้าผมพี่ทำอะไรอ่ะ คุมพากย์หนังอยู่ หนูเอาด้วย เป็นตัวประกอบก็ได้ ก็ให้เข้าไปห้องพากเลย แล้วก็จะเป็นพวกทีมงานที่เข้าไปช่วยลงเสียง ครีเอทีฟที่เวิร์คพอยท์ นักดนตรี เข้าห้องพากย์เป็นตัวประกอบกันหมด ก็มันมีหุ่นเป็นร้อยๆ ตัว คนที่พากย์เยอะสุดคือบัวไร (พัลลภ สินธุ์เจริญ) รับหน้าที่ร่วมเขียนบทภาพยนตร์และเป็นผู้ช่วยผู้กำกับ

 Q. ทราบมาว่าแอนิเมชั่นเรื่องยักษ์นอกจากเสียงพากย์ในเวอร์ชั่นเสียงไทยแล้วยังมีการทำงานควบคู่กันไปในเวอร์ชั่นเสียงภาษาอังกฤษด้วย

J. เวอร์ชั่นเสียงภาษาอังกฤษเราได้ ทอดด์ ทองดีเป็นคนที่ช่วยหามา แล้วก็เอามาให้คัด ก็มีเอาฝรั่งที่อยู่เมืองไทยบ้างอยู่แถวๆ นี้บ้างอยู่สิงคโปร์บ้าง ที่ผมให้ฝรั่งมาช่วยดูการพากย์เวอร์ชั่นนี้เพราะฝรั่งเขาจะไม่ตีความเหมือนเรานะ มุกอย่างเดียวกันฝรั่งจะเปลี่ยนเป็นอะไร ที่สำคัญน้ำเสียง เราคนไทยบางทีเราก็ฟังไม่ออกว่า น้ำเสียงประชดหรือโกหกกำกวมน้ำเสียงจะเป็นอย่างไร แล้วก็อยากได้ฝรั่งที่เข้าใจภาษาไทยมากๆ ด้วย ทอดด์เหมาะด้วยประการทั้งปวง แน่นอนเขาเก่งทั้งสองภาษา หนำซ้ำยังเป็นนักเขียนนักแต่งเพลงเหมือนผม แล้วสนิทกันรู้ทางกัน เขาฟังเพลงผมมาเยอะ รู้มุกคนไทยแล้วรู้วิธีที่จะแปลงเป็นฝรั่ง อย่างเช่นเผือกเขาตีความว่าตัวละครตัวนี้จะเป็นนิวยอร์กเกอร์ เขาตีความว่ายักษ์น้าเขียวเป็นพวกแอลเอ คนขายเหล้าก็จะเป็นพวกไอริช  หรืออย่างพวกเม็กซิกันก็จะเป็นพวกลุงช่างเราก็เออเขาตีความไม่เหมือนเราเพราะเราคนไทยเราตีความว่าแค่นิสัย เพราะคนไทยสำเนียงคล้ายกันกันหมด แต่เขาตีความเป็นน้ำเสียงเป็นเผ่าพันธุ์ในโลกสากล อย่างหุ่นที่ปีนเขาเราก็จะไปเชิญโน้สเพราะโน้สเขามีภาพพจน์อย่างหนึ่งอยู่ในเมืองไทย แต่ทอดด์ตีความว่าพวกปีนเขาพวกนี้เป็นพวกออสเตรเลียพวกที่ชอบแอดเวนเจอร์ หรืออย่างสดายุเขาบอกว่าต้องเป็นผู้หญิงผิวดำเท่านั้นเหมือนพวกขี้บ่นตลอดเวลา มีเรื่องน่ารักของคนที่พากย์เป็นสดายุเวอร์ชั่นฝรั่งด้วย เขาเป็นนักร้องผิวดำอเมริกันที่เซ็นสัญญามาร้องแถวเอเซียไม่กี่เดือน ทอดด์ทาบทามต่อๆกันมา เขาพากย์ดีมากๆ ใช้เสียงเป็น คงเพราะเป็นนักร้องอาชีพด้วย เขามากระซิบกับทอดด์ทีหลังว่าเขาหลงใหลการ์ตูนมาตั้งแต่เด็กและเคยฝันไว้ว่าอยากเป็นนักพากย์การ์ตูน ไม่คิดว่าฝันจะเป็นจริงได้ คนที่พากย์เป็นเผือกนี่ก็รู้สึกว่ามาจากนิวยอร์กมา เป็นคนโปรดักชั่น เป็นคนเขียนบทด้วย รู้สึกจะมาแถวเอเซียมาทำสกู๊ปอะไรสักอย่าง คนนี้ก็พากย์สนุกมาก อาจเป็นเพราะเป็นเคยเป็นคนเขียนบท เข้าใจเรื่องพวกนี้เร็ว

Q. ฟังดูแล้วเป็นความตั้งใจตั้งแต่เริ่มแรกเลยว่าแอนิมชั่นเรื่องยักษ์นี้จะไม่จบอยู่แค่คนดูแอนิเมชั่นในบ้านเรา

J. ก็ตั้งใจจะทำให้เป็นสองภาษาตั้งแต่แรกเลย เพราะฉะนั้นในการทำงานพี่ก็ถือว่าเอาคนไทยเป็นต้นฉบับ ปากทุกคำ ขยับปากเป็นภาษาไทยเป๊ะ สระอูสระโอเป๊ะ สิ่งที่ยากมากคือทอดด์จะต้องมานั่งข้างๆ เพราะว่าภาษาอังกฤษเคยถูกแปลมาแล้วทีหนึ่งโดยเดลล์ ซึ่งเป็นนักเขียนบทที่อเมริกา แปลไปแล้วรอบหนึ่งแล้วก็ถูกเกลาไปแล้วอีกหลายรอบเหมือนกันเพราะในแง่ด้วยของเรื่องภาษา จนมาถึงมือทอดด์อีกครั้งหนึ่งเนื่องจากทอดด์เก่งภาษาไทยมาก และนั่งคุยกันว่าท็อดด์ต้องตรงปากให้ขยับใหม่ภาษาใหม่แล้วก็ใส่มุกฝรั่งลงไปแทนภาษาไทย แล้วเชิญคนฝรั่งชาติอื่นที่ไม่ใช่อเมริกันมานั่งดูด้วย เขาขำในมุกอเมริกันของคุณหรือเปล่าเอาขนาดนั้นเลย ตัวอย่างเช่นในไทยเขาร้องว่าสนิมคือชื่อหนู มันลงท้ายสระอูคนแรกที่แปลแปลไว้ว่า รัสตี้อีสมายด์เนม ความหมายตรงแต่ปากมันไม่ตรงกันทอดด์ต้องทำงาน ก็จะกลายเป็นรัสตี้เยสอีสทรู แล้วค่อยเป็นอิสมายเนมคือความหมายเหมือน เดิมแต่เขาแค่ให้ขยับคำใหม่ ดูภาษาฝรั่งแล้วเราอาจจะงงว่านี่มันหนังฝรั่งนี่นาเพราะว่าปากมันค่อนข้างใกล้มาก

Q. กลายเป็นว่าการที่ได้ทอดด์ ทองดีที่เป็นชาวต่างชาติพูดเข้าใจและรู้จักภาษาไทยดีแถมมีพื้นฐานทางด้านดนตรีด้วยมารับหน้าที่ควบคุมดูแลการกำกับเสียงในแอนิเมชั่นยักษ์ในเวอร์ชั่นเสียงภาษาอังกฤษจึงเป็นอะไรที่ลงตัว

J. ทอดด์เขาเหมือนผมเป็นนักแต่งเพลง พอมีมิวสิคคัลมีร้องเพลงไทยเขาก็แปลเป็นเพลงฝรั่งให้ คำบางคำฝรั่งมันไมมีจริงๆ ทอดด์ต้องหาให้ใกล้เคียงที่สุด อย่างสำนวนต่างคนต่างมาที่ผมเอามาแต่งเพลง ทอดด์คิดหนักมากเพราะแค่สี่คำความหมายของไทยไปได้ไกล เขาก็จะเสนอคำอื่นที่ไม่ตรงนักแต่ได้อารมณ์เดียวกัน

Q. อยากให้พี่จิกเล่าให้ฟังถึงขั้นตอนในการทำแอนิเมชั่นเรื่องยักษ์หลังจากที่ได้ตัวบทเรื่องราว ได้ตัวคาแรคเตอร์ดีไซน์ได้ตัวนักแสดงแล้ว

J. พอได้บทร่างแรกๆ ที่เราคิดว่าใกล้กับความคิดมากที่สุดแล้ว ก็ลองแคสติ้งระหว่างที่แคสติ้งก็ทำงานไปพร้อมกับการวาดสตอรี่บอร์ดไปเรื่อยๆ เหมือนสตอรี่บอร์ดหนังแต่ก็จะละเอียดกว่าหน่อยละเอียดในมุมกล้องนะเพราะจากบอร์ดจะถูกนำไปสร้างเป็นเลย์เอาท์ เลย์เอาท์นี่คือเป็นภาพร่างของหนังที่เป็นเหมือนกับดูหนังได้เลยแต่ยังไม่ได้แอนิเมท อย่างเช่นจะมีตัวละครเดินทางแบบนี้มีกล้องเป็นแบบนี้มีพูดอย่างนี้คุยกันแบบนี้แล้วตัดไปเป็นแบบนี้ รู้ด้วยนะว่ามีกี่คัทมีกี่ช็อตรู้หมดในเลย์เอาท์ คนทำเลย์เอาท์ต้องรู้เรื่องมุมกล้องแล้วมีฟิลของคนตัดต่ออยู่ขั้นตอนเลย์เอาท์นี่ถือว่าสำคัญมาก มันเหมือนภาพร่างที่สองหลังจากสตอรี่บอร์ด แต่มันมีอารมณ์มากกว่าสตอรี่บอร์ด แล้วก็มาผมกับทีมงานก็จะมานั่งดูกัน มุมกล้องเป็นแบบนี้เคลื่อนกล้องแบบนี้ยาวไปสั้นไป ทิศทางใช่ไหมแล้ว จบที่เลย์เอาท์ก็จะประชุมกับแอนิเมเตอร์ ฉากนี้มันมีความหมายอย่างไร แต่ละตัวละครรู้สึกอย่างไร มันเคลื่อนไหวแบบไหน เร็วช้า แอนิเมเตอร์แต่ละคนก็จะแยกกันทำ แล้วก็เอามาประกอบร่างกันเป็นหนึ่งซีน และก็มาดูทั้งซีนอีกทีหนึ่งที่ประกอบร่างแล้วเป็นยังไงบ้างเอาฉากใส่เอาตัวละครเข้าไปใส่และก็เริ่มเรนเดอร์จัดแสงก่อน ไฟอยู่ตรงนี้กลางวันกลางคืนมีแสงตกตรงนี้หน่อยมีอะไรไหมก็ว่ากันไปมีพระอาทิตย์ไหม ทำเสร็จแล้วก็มาคอมโพสต์ใส่สีเพิ่มตรงนั้นจะโฟกัสยังไงมีชัดหลังเบลอลึกก็ว่ากันไปก็ใส่เอ็ฟเฟ็กต์จะควันจะไฟเอามาเติมลงไหม ถึงเสร็จแล้วก็มานั่งดู แล้วก็มานั่งปรับ

Q. กว่าจะออกมาเป็นภาพที่สวยงามลงตัวอย่างที่เห็น เห็นบอกว่าไม่ว่าจะเป็นตัวละคร หรือฉากแต่ละฉากต้องผ่านการออกแบบออกมาหลายร่างมากๆ

J. เยอะๆ แต่ละร่างก่อนที่เราจะทำฉากแต่ละฉาก เราจะทำนี่ขึ้นมาดูก่อนๆ “คอนเซ็ปท์อาร์ต” ของแต่ละซีน ว่าตัวหนังจะออกมาเป็นอย่างไรนะ เหมือนสร้างบ้านต้องมีแปลนแล้วต้องมีภาพ perspective เคยเห็นใช่ไหม ภาพสีสวยๆ ดูเป็นแนวทางว่าบ้านเสร็จแล้วจะเป็นอย่างไร แต่ในแอนิเมชั่นนี่ต้องใช้ภาพคอนเซ็ปอาร์ตเยอะมาก คนทั้งทีมจะได้เห็นภาพตรงกัน ว่าบรรยากาศรวมๆ มันเป็นอย่างไร

Q. พวกฉากเหล่านี้เป็นแรงบันดาลใจหรือเอามาจากสถานที่จริงหรือเป็นจินตนาการที่สร้างขึ้นมาใหม่

J. ก็ส่วนใหญ่มันจะมาจากประสบการณ์ของเรานะของแต่ละคน อย่างในหนังเราก็จะเห็นฉากเซียงกงที่เขาวิ่งหนีกันที่ขายของเหมือนกับบ้านเราที่ตึกด้านหน้าเป็นที่สวยๆ แต่พอเข้าไปในซอยก็จะเป็นอะไรที่อีเหละ เขะขะ ที่พวกหุ่นวิ่งไล่กัน อันนี้ผมเอาความเป็นไทยๆ แบบทุกวันนี้ใส่ลงไปเลย บางทีเราก็ไปถ่ายรูปของจริงมาศึกษากัน ฉากตลาดนัดเราเอาตลาดนัดไทยเลย มีกระบุงกระจาดแล้วเราก็เปลี่ยนให้เป็นหุ่นยนต์ซะ บางทีเราก็อธิบายกันแบบไทยๆ ท้องฟ้าเช้าเหมือนตอนใส่บาตรพระนึกออกไหม คนจัดแสงจะนึกออกทันที เราสร้างฉากกันเยอะมาก ฉากสงครามฉากแรกที่เป็นสมรภูมิ, ฉากเมืองเป็นเมืองเซียงกง, ฉากเดินทางในทะเลทราย, ฉากโรงไฟฟ้า, ฉากบาร์, ฉากสนามแม่เหล็ก, ฉากเสาสูงเสียดฟ้า, ฉากสนามเด็กเล่น, ฉากปาหี่ของกุมภกรรณ แล้วแต่ละฉากคนขึ้นโมเดลก็ต้องมานั่งเขียนอุปกรณ์ประกอบฉากเติมเข้าไปๆ อีกไม่รู้กี่ร้อยกี่พันชิ้นแล้วเอาไปวาง  เวลาเราพูดว่าฉากใหญ่นี่คือมันใหญ่จริงๆ นะ เราต้องสร้างขึ้นมาเลยเราต้องสร้างโมเดลฉากขึ้นมาเหมือนจริงเป็นพันๆ ไร่เหมือนของจริง เหมือนไอ้ยักษ์ที่เป็นทีเซอร์นี้ต้องสร้างโมเดลขึ้นมาใหญ่ๆ เลยอันหนึ่ง เสาใหญ่มาก ท้องฟ้าใหญ่ตามไปหมด ฉากยิ่งใหญ่ก็ยิ่งใช้เมมโมรี่ของคอมฯมาก เรนเดอร์ก็จะช้ามากข้ามวันข้ามสัปดาห์  เพราะผมอยากให้มันสวยเหมือนจริง แค่กล้องโคลสอัพดวงตาตัวละคร ฉากแวดล้อมทั้งหมด ผมอยากให้เห็นมันสะท้อนอยู่ในดวงตาด้วย

Q. มีฉากไหนง่ายสุดหรือใช้เวลาน้อยสุด

J. ฉากตัวหนังสือเครดิตขึ้นตอนจบ (หัวเราะ)

Q. ในส่วนของพาร์ทที่เป็นดนตรีประกอบของภาพยนตร์ที่ค่อนข้างโดดเด่นและมีความสำคัญมากๆ

J. จักรพัฒน์ เอี่ยมหนุน เป็นคนทำ เพราะถือว่าเป็นมือดนตรีคู่ใจที่สุดแล้ว เราทำเพลงกันมาไม่รู้กี่แบบต่อกี่แบบ แค่ฮัมก็รู้แล้วว่าผมต้องการอะไร หนังที่เนื้อเรื่องใหญ่ๆ อย่างนี้อย่างไรก็ต้องออเคสตรา เรื่องนี้จักรพัฒน์ต้องทำทั้งสองแบบที่ผมอยากได้คือละเอียดตามความเคลื่อนไหวที่การ์ตูนมันขยับ ของตก คนวิ่ง โซ่สะบัด ดนตรีจะวิ่งตามเลย แล้วเอามาเข้าจังหวะ อีกส่วนก็คือการบิวท์อารมณ์ซึ่งสำคัญมากเพราะหนังเรื่องนี้มันมีอารมณ์เยอะ ส่วนเพลงประกอบภาพยนตร์ที่พี่เลือก Room39 เพราะวงเขามีสามคนมันตรงกันเลย กับมิตรภาพสามคน เขียว เผือก สนิม วงเขามีผู้ชายสองคนผู้หญิงหนึ่งคนตรงกันเป๊ะเลย โดยมีแสตมป์มาแต่งให้คือพี่คิดอยู่แล้วว่าพี่จะต้องมีเพลงตอนจบที่พูดเรื่องนี้แล้วพี่ก็คิดถึงแสตมป์ขึ้นมา พี่ชอบภาษาเขาวัยรุ่นแต่ลึก มีคนถามทำไมไม่เขียนเอง ในเรื่องเขียนเยอะแล้วอยากได้ลายมือคนอื่นบ้าง อยากให้หนังเรื่องนี้เป็นความร่วมมือร่วมใจกันของหลายๆ ศิลปิน แสตมป์ก็ยินดี นั่งคุยกันเปิดฟุตเตจให้ดูสักครึ่งเรื่อง เปิดให้ดูตอนจบหน่อย ก็ได้เพลงนี้มา

Q. พอได้เห็นเนื้อได้ฟังเสียง Room39 แล้วเป็นไงบ้าง

J. ผ่านไปสักเดือนสองเดือนแสตมป์เขาก็ส่งท่อนแรกมาให้ฟังก่อนหลังจากที่ได้คุยกัน เราก็ส่งอีเมล์ตอบกลับไปว่าแต่งต่อได้เลยทางนี้แหละ ส่วนเสียงร้องของ Room39 พอได้ฟังก็ดี เขาเป็นเพื่อนกันจริงๆ ด้วยมันก็ยิ่งเข้ากับหนัง มีความเป็นเพื่อนสูงมากเลย แล้วพอทำเพลงเสร็จรู้สึกว่าอยากทำ MV จำได้เคยชวน เอ๋-นิ้วกลม มาดูหนัง ถามอยากทำไหม ปล่อยอิสระให้คิดเองเลย เขาบอกว่าถ้าเป็นวัยรุ่นอยากทำอะไรให้มันป๊อปให้มันสัมผัสได้ ให้เป็นเรื่องมิตรภาพ เรื่องคนที่เป็นเพื่อนกัน เพราะมีความรู้สึกว่าถ้า Room39 มาร้อง แล้วถ้าให้เขาทำ MV มันคงจะพูดถึงเรื่องมิตรภาพ นี่เป็นไอเดียของเขานะเพราะว่าเขาเป็นนักทำโฆษณานะ ก็เลยบอกว่าก็ทำเองเลยเอ๋ เขาก็ยินดีทำมันก็เลยออกมาเป็น MV ที่เราจะเห็นมิตรภาพความผูกพันของเพื่อนหลายลักษณะ น่ารักดี MV ไม่ได้พูดถึงหนังเลยนะ ซึ่งผมก็ชอบมาก

Q. การ์ตูนแอนิเมชั่นเรื่องยักษ์ถูกวางไว้ตั้งแต่เริ่มต้นแล้วว่ายังไงต้องมุ่งหน้าสู่ตลาดต่างประเทศให้ได้ด้วย

J. ครับ ตั้งแต่หนังเพิ่งทำไปสักสิบเปอร์เซ็นต์ก็ลองเอาไปให้เขาดู เริ่มจากนักธุรกิจสื่อในญี่ปุ่นที่เราสนิทก่อน เป็นอย่างไรยอมรับในโปรดักชั่นในควอลิตี้ของเราไหม เขาตื่นเต้นนะ ก็เริ่มเอาออกไปขายบ้างอะไรบ้างไปถึงบริษัทร่วมลงทุนที่อเมริกา ทุกประเทศชอบหมด ทุกคนถามประโยคซ้ำๆ เมดอินไทยแลนด์จริงหรือ แต่ถึงเขาจะชอบหนังสิบยี่สิบเปอร์เซ็นต์ของเรามาก แต่เขาก็ยังคิดว่าเราจะทำจบหรือ คือเขาเคยโดนประเทศเล็กๆ ทำหนังตัวอย่างมาหลอกขายแล้วหนีไม่ทำต่อมาเยอะแล้ว ถึงตอนนี้หนังก็จบทั้งเรื่องแล้ว ต่อไปคงจะคุยได้ง่ายขึ้นเพราะเรามีตัวอย่างหนังเต็มๆ แล้ว

Q. ไม่กลัวคนต่างชาติไม่รู้จักรามเกียรติ์หรือ

J. เป็นสิ่งแรกที่คิดตอนเขียนบท หนังเรื่องนี้ต่อให้คนที่ไม่รู้จักรามเกียรติ์เลยต้องดูรู้เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นคนรุ่นใหม่หรือคนต่างชาติ และต้องดูสนุกด้วย ผมเอารามเกียรติ์มาแต่ตัวละครเอามาแต่ฉากสำคัญบางฉาก แล้วตัวละครทุกตัวเราปูคาแรคเตอร์หมด ทดลองฉายมาแล้ว ฝรั่งดูรู้เรื่องและชอบในความคิด ไอ้ครั้นที่จะใส่ดนตรีไทยลงไปเลยผมกลับคิดว่าก็เรากำลังจะบุกตลาดโลกอยู่ เราจะขายความเป็นไทยแบบทื่อๆ ไม่น่าจะเหมาะ คนดูเขาไม่ได้มาเที่ยวเมืองไทยแล้วมากินอาหารไทยแล้วดูรำไทย คนดูเขากำลังดูหนัง เราใส่บางอย่างลงไปให้มีวิญญาณไทยแค่นี้ก่อน คือโจทย์นี้ผมว่าเราต้องตีให้แตก เอ๊ะเราควรจะใส่ดนตรีไทยไหม เขาไม่รู้จักนะเพราะหนังญี่ปุ่นเขาไม่ใส่ดนตรีญี่ปุ่นนะ เราต้องออกแบบตัวละครให้ไทยจ๋าไหมหรือเอาแค่มีกลิ่นอาย ผมว่าเรากำลังทำหนังให้เป็นสากล เราไม่ควรยัดเยียดวัฒนธรรมแท้ๆ ที่เรารักลงไปในหนังขนาดนั้น สมมุติมีหนังจากสเปนที่มีเพลงสเปนแท้ๆ คนไทยยังไม่สนใจเลย ผมคิดอย่างนี้ไม่ว่าอย่างไรความเป็นไทยอย่างไรมันก็อยู่ในหนัง เพราะคนไทยเป็นคนทำ ในหนังมีการยกมือไหว้ มีการแสดงความเคารพนอบน้อม มีลายอะไรบางอย่างที่ฝรั่งไม่มีทางเขียนได้อยู่ในตัวละครในฉาก แม้แต่ทำนองเพลงในดนตรีประกอบมันก็มีสเกลของเพลงไทยอยู่

Q. เสียงตอบรับที่สะท้อนกลับมาจากต่างประเทศ

J. แทบทั้งหมดยอมรับในคุณภาพว่าเป็นสากล บางคนให้เกียรติเราว่างานที่ออกมาเทียบเท่างานจากฟากฮอลลีวู้ด หลายประเทศสนใจอยากซื้อไปฉาก รัสเซีย แคนาดา เกาหลีนี่เซ็นสัญญาซื้อแล้ว ขายเกาหลีได้นี่ทีมงานหลายคนดีใจเลยนะ สงสัยเป็นเพราะคนไทยเราซื้อเขามาเยอะแล้วอยากขายเขาบ้าง แล้วก็มีอีกหลายประเทศอยากจ้าง อยากชวนเราร่วมทุนกับเขา บางเจ้าอยากย้ายงานที่จ้างมาเลเซียผลิตอยู่มาให้เราทำแทน แต่เรื่องรับจ้างผมยังเฉยๆ นะ ผมอยากทำหนังจากเมืองไทยไปฉายในตลาดโลกมากกว่า ยังไงก็อยากอวดฝีมือเด็กไทยทั้งงานศิลป์และความคิดจากคนไทย เด็กไทยยังมีเก่งๆ อีกเยอะครับ

Q. พี่จิกคิดว่าหลังจากใช้เวลากว่า6ปีที่ทุ่มเทไปกับแอนิเมชั่นเรื่องยักษ์จนตอนนี้เสร็จสมบูรณ์แล้วคิดว่าสิ่งที่เราได้รับกลับคืนมา

J. ก็เหมือนปลูกต้นไม้ ตอนนี้มันโตแล้ว มันจะสร้างร่มเงาให้คนได้ร่มรื่นหรือเปล่า ให้คนได้กลิ่นได้ผลได้อะไรจากมันหรือเปล่า ก็แล้วแต่คนมองแล้ว หน้าที่ของผมคนทำมันจบไปแล้ว สิ่งหนึ่งที่รู้สึกเลยนะ ความรู้ในการทำแอนิเมชั่นเรื่องนี้ไม่อยากให้หายไป ผมทำไปศึกษาไปนี่องค์ความรู้อันนี้เป็นของใหม่ในเมืองไทยเลยนะ ผมบอกได้เลยนะไม่ง่ายเหมือนที่ทุกคนคิด ผมอยากถ่ายทอดนะ และผมยืนยันเด็กไทยเก่งเยอะ เก่งเยอะมาก พวกเขาขาดการสนับสนุน ขาดคนเดินนำ ผู้ใหญ่บ้านเราต้องทำหน้าที่นี้ ไม่ว่ารัฐหรือเอกชน และไม่ว่าหนังเรื่องนี้จะประสบความสำเร็จหรือเปล่าก็ตาม ผมว่าผมดีใจอย่างหนึ่งที่ได้ลองนำเดินไปก่อน ดีหรือเปล่าไม่รู้ เจ็บตัวหรือเปล่าไม่รู้ แต่โคตรจริงใจ อยากทำมานานแล้ว งานที่คนต่างชาติดูแล้วยอมรับ แล้วก็อยากบอกน้องๆที่ร่ำเรียนด้านนี้อยู่ เดินต่อไปอย่าหยุด งานของคนไทยไปได้ไกลกว่านี้ คิดไปไกลๆ โน่นตลาดโลก อย่ามัวแต่มากระแนะกระแหนทำลายกำลังใจกันเอง โจมตีกันเอง แข่งกันเอง วันนี้เราทำได้แค่นี้เราก็ทำไปแก้ไป ทำให้สุดตัว เราไม่แพ้ใครจริงๆ

Q. อะไรที่ทำให้พี่จิกคิดว่าเราสามารถทำแอนิเมชั่นที่ใช้เวลายาวนานขนาดนี้ได้จนเสร็จเพราะบางคนอาจคิดว่าการใช้เวลาถึง6ปีก็ไม่เอาแล้วเพราะอย่างพี่จิกเองถือได้ว่ามีหน้าที่ความรับผิดชอบในงานประจำเต็มมืออยู่แล้ว

J. อย่างแรกนะต้องมีความสุขกับมันก่อนในทุกวินาทีที่ทำเลย ก็ถ้าเราไม่ปลีกเวลามาเราก็ไม่มีเวลานะ เหมือนวิ่งจ๊อกกิ้ง คนที่ไม่ไปวิ่งเพราะว่าไม่มีเวลาอ้างว่าไม่มีเวลา ผมทำหนังเรื่องนี้ทำทุกวันทำจนเหมือนเป็นกิจกรรมอย่างหนึ่งเหมือนต้องไปกินข้าวไปวิ่ง บางทีดูเหมือนว่าเราไม่ได้ทำงานอาจเป็นเพราะว่าเราตื่นมาแล้วเราสนุก เวลาที่เราเหนื่อยแล้วสนุกนี่ดีจะตาย ไอ้ตอนเหนื่อยเราไม่ค่อยรู้สึกจะรู้แต่เสร็จแล้วจะเห็นว่ามันดี เห็นว่ามันงอกเงยในแง่ของงาน เหมือนเราปลูกบ้านปลูกต้นไม้ที่เราค่อยเห็นมันเติบโตขึ้นทีละนิดเห็นของใหม่เกิดขึ้นทุกวัน เอ๊ะอีกวันเห็นเป็นอย่างนี้พออีกวันเห็นเกิดขึ้นเป็นอีกอย่าง คือมันงอกทุกวันมันไม่เหมือนกับถ่ายหนังคนนะ เพราะถ้าถ่ายหนังคนเราสามารถดูกันได้เลย อย่างวันนี้ทำได้แค่นี้ อีกวันยักคิ้วแล้วอีกวันมีแสงมาแล้ว แล้วมันงอกเงยในแง่ของคนด้วย เพราะว่าคนที่เราเรียนรู้มาด้วยกันมีความรู้เพิ่มขึ้น มีความรักเพิ่มขึ้น ทำให้เรารู้สึกว่ามันมีอนาคต ต่อให้หนังไม่ทำเงินเลยก็รู้สึกว่ามันมีอนาคต ไม่ใช่แค่อนาคตของหนังเรื่องนี้เท่านั้นนะ มันเป็นอนาคตของคนที่ชอบแอนิเมชั่นด้วย

Q. คิดว่าต้นทุนความฝันครั้งนี้มันคุ้มไหมกับผลที่เกิดขึ้น

J. ยิ่งกว่าคุ้มครับ ทุกครั้งที่ผมมองไปยังกลุ่มน้องๆ ที่กำลังนั่งขยับตัวละครให้มีชีวิตอยู่หน้าคอมฯ มองดูน้องๆ ทำงานกันอย่างขะมักเขม้น ผมแอบเห็นตัวเองตอนหนุ่มๆ อยู่ตรงนั้น อย่างที่บอกผมกำลังปลูกอะไรบางอย่าง เวลาที่เราปลูกอะไรนี่ มีหรือไม่คุ้มต่อให้เป็นหัวหอมผักชีก็เถอะ ดินบ้านเรามันดีจริงๆ

Q. เส้นทางนี่ยังไปได้อีกไกลแค่ไหน

J. อันที่หนึ่งคนไทยมีฝีมือ มีฝีมือเลยในแง่ศิลปะ ใครๆ ก็รู้ในเอเชียว่าคนไทยมีฝีมือมากในแง่ของศิลปะ รากเราลึก วิญญาณทางศิลป์เราพลิ้ว ในแง่ของวัฒนธรรมรากเราใหญ่และลึก ประวัติศาสตร์เรายาวนาน ในขณะเดียวกันทรัพยากรเราที่มีอยู่ในแง่ของเนื้อหาอารมณ์หรือว่าคอนเซ็ปท์บ้านเราไม่ด้อยกว่าใครนะ ขออย่างเดียวอย่าทะเลาะกัน ทุกวงการแหละครับ

 Q. พี่จิกกำลังจะบอกว่าที่ผ่านมาคนนั้นเก่งคนนี้เก่ง แต่จริงๆ แล้วทุกคนเก่งหมด แต่ลึกๆ แล้วพื้นฐานที่มันจะต่อยอดให้คนได้เก่งขึ้นไปอีก ไม่ได้วัดกันแค่แชมป์ที่ 1, 2, 3

J. คือบ้านเราดินอุดมนะ ดินอุดมทางด้านศิลปะมากด้วยซึ่งถ้าจะว่าไปแล้วผมเลยคิดว่าศิลปินบ้านเราทุกคนพร้อมที่จะงอกรากได้เยอะเลยก็ดีนะที่พอเราได้มาทำตรงนี้มันก็จะมองเห็นโอกาส แต่ต้องสร้างสมดุลกันหน่อย บาลานซ์กันหน่อย บาลานซ์อีคิวกับไอคิว บาลานซ์ความต้องการตัวเอง จะชั่งอย่างไร

Q. ความหมายของยักษ์ในมุมมองของประภาส ชลศรานนท์

J. คนไทยแปลยักษ์ได้สองความหมาย ใหญ่ และร้าย ผมตั้งคำถามอะไรบางอย่างในหนังเรื่องนี้ เราจะเป็นยักษ์ไหม แล้วเราจะยิ่งใหญ่โดยที่ไม่ต้องโหดร้ายได้ไหม

ที่มา:  สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล
บันทึกภาพ:  สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล
นำเสนอโดย www.starupdate.com หากนำข่าวไปใช้กรุณาอ้างอิงถึง www.starupdate.com ด้วย
ข่าวนี้อยู่ในหมวด Movie Update และ Tag: , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , ติดตาม comment ของข่าวนี้ผ่านทาง RSS feed
Trackbacks are closed, but you can post a comment.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

“จีจ้า ญาณิน” ซิ่งสองล้อโชว์บู้สนั่นในภาพยนตร์ “จั๊กกะแหล๋น” สนุกแน่ที่ทรูโฟร์ยู ช่อง 24 >>

“หนุ่ม-สันติสุข” นำทีมความฮาจัดเต็มความสนุกใน “รักล้นแผง”

“ชูศรี” ดวลมุก “โหน-นาย”ประชันความฮาใน “รักล้นแผง”

“เป้ เอ็มวีแอล” ดึงตัวพ่อ “ตั๊ก บริบูรณ์” ร่วมสมาคม พร้อมประกาศเลิก! ขอเป็นคนดีเพื่อเมียคนเดียว >>

ตั๊ก บริบูรณ์ แฟมิลี่ ชวนยกครอบครัวเที่ยวบ้านควายกับกรีนเวฟ >>